มะเร็งเต้านมโรตที่ผู้หญิง ต้องเรียนรู้

เนื่องจากโรคนี้เป็นสาเหตุหลักที่คร่าชีวิตสตรีวัยระหว่าง 35-54 ปีไปอย่างมากทีเดียว ดังนั้น วันนี้เราจึงมี 6 วิธีเพื่อช่วยผู้หญิงป้องกันการเกิดโรคมะเร็งเต้านมมาฝากกันค่ะ

1. ตรวจมะเร็งเต้านมเป็นประจำ
ควรหมั่นตรวจเต้านมด้วยตัวคุณเองเป็นประจำทุกเดือนและควรเข้ารับการตรวจโดยแพทย์ทุก 3 ปี หลังจากที่อายุ 40 ปีขึ้นไป หรือสามารถตรวจได้เร็วกว่านั้นหากคนภายในครอบครัว เช่น มารดา พี่สาวหรือน้องสาวเคยป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านม โดยควรไปตรวจเต้านมและทำแมมโมแกรมเป็นประจำทุกปี

ในการตรวจแมมโมแกรมจะสามารถตรวจหาสิ่งผิดปกติในเนื้อเยื่อของเต้านมพบได้ แต่ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็งเต้านมได้แนะว่าควรไปตรวจกับทางโรงพยาบาลหรือคลีนิกที่เชี่ยวชาญด้านแมมโมแกรมเฉพาะด้านจะดีที่สุด

นอกเหนือจากการตรวจแมมโมแกรมแล้วในด้านทางวิทยาศาสตร์ยังไม่มีการค้นพบการตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยวิธีอื่น

หากก็มีผู้เชี่ยวชาญบางท่านให้การโต้แย้งว่าการทำแมมโมแกรมบ่อยครั้งก็อาจเกิดความเสี่ยงอันตรายอันเนื่องมาจากรังสีสะสมภายในร่างกายก็เป็นได้เช่นกัน ดังนั้น การดูแลสุขภาพและหมั่นตรวจด้วยตนเองเป็นระยะเรื่อยๆ ตั้งแต่เนิ่นๆ น่าจะเป็นหนทางป้องกันเพื่อรับมือได้ดีที่สุด

2. ควบคุมน้ำหนักไม่ให้สูงเกินไป
สำหรับผู้ที่เข้ารับการทำแมมโมแกรมเพื่อตรวจหาสิ่งผิดปกติของมะเร็งเต้านม หากมีน้ำหนักตัวที่ดีต่อสุขภาพย่อมช่วยเพิ่มความแน่นอนของการทำแมมโมแกรมให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นได้ อีกทั้งยังมีโอกาสลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมได้ดีอีกด้วย

โดยองค์การอนามัยโลกให้ข้อมูลไว้ว่า 1 ใน 5 หรือ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมโดยส่วนใหญ่มักมีความเกี่ยวข้องกับการมีน้ำหนักตัวสูงกว่ามาตรฐาน และทางสถาบันวิจัยโรคมะเร็งของอเมริกา (American Institute for Cancer Research-AICR)

ได้เน้นศึกษาถึงความสัมพันธ์ระหว่างโรคมะเร็งกับโภชนาการพบว่า ความสัมพันธ์ของน้ำหนักตัวกับการเกิดมะเร็งเต้านมมีโอกาสเกิดขึ้นได้สูงในกลุ่มสตรีวัยหลังหมดประจำเดือนแล้ว แม้รังไข่จะหยุดสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนแล้วก็ตาม

แต่เซลล์ไขมันก็ยังคงผลิตออกมาเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีการหลั่งฮอร์โมนเพื่อเข้าสู่กระแสเลือดจึงกลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่จะกระตุ้นความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านมให้เพิ่มมากขึ้นได้

ดังนั้น ผู้หญิงในวัยนี้จึงไม่ควรปล่อยตัวให้อ้วนเผละหรือมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานที่กำหนด และหากต้องลดน้ำหนักก็ควรเน้นลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลงแต่หันมารับประทานอาหารที่ให้โปรตีนอย่างเนื้อสัตว์ไร้ไขมันเพิ่มแทนมากขึ้นจะดีกว่า เพราะจะทำให้กระเพาะอาหารอิ่มท้องเร็วและอิ่มนานขึ้นอีกทั้งช่วยลดน้ำหนักไปในตัวพร้อมกันได้ด้วย

3. รับประทานอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ
การรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพล้วนช่วยต่อต้านและป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมได้ เช่น เนื้อปลา ผัก ผลไม้และอาหารธัญพืชที่ไม่ขัดสีหรือมีการขัดสีน้อยก็ล้วนมีผลในการต่อต้านมะเร็งเต้านมได้ดีเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ การรับประทานอาหารจำพวกถั่วเหลือง เมล็ดแฟล็กซ์และน้ำมันเมล็ดแฟล็กซ์ยังสามารถช่วยรักษาระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนให้อยู่ในระดับคงที่ดีที่เป็นผลดีต่อสุขภาพได้อีกด้วย

เมลานี โพล์ค, R.D. ผู้อำนวยการด้านการศึกษาของ AICR ได้กล่าวไว้ว่า “การรับประทานอาหารจากพืชธรรมชาติเป็นหลักจะทำให้ร่างกายได้รับสารไฟโตเคมิคัลที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้”

นอกเหนือจากนี้แล้ว สาวๆ ควรรับประทานผักผลไม้ให้ได้สองในสามจากอาหารมื้อหลักที่ทานประจำ และทานเนื้อสัตว์เพียงหนึ่งในสามเช่นกัน เพราะการทานอาหารที่ดีต้องอยู่ระดับที่พอดีเท่านั้น

จึงจะสามารถต่อต้านโรคร้ายได้ อีกทั้งยังแนะนำอีกว่าการดื่มชาเขียวหรือชาดำจะสามารถช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็งได้เช่นเดียวกัน เพราะชาเป็นเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนท์จึงมีสรรพคุณช่วยยับยั้งและป้องกันการเกิดเซลล์เนื้อร้ายภายในร่างกายเราได้

4. ลดความเสี่ยงได้ด้วยอาหารเสริม
การรับประทานอาหารเสริมจะช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านมลงได้ โดยแพทย์หญิงซูซาน ลาร์ค, M.D. ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพในสตรี ได้แนะนำให้สาวๆ เรารับประทาน diindolylmethane (DIM) และแคลเซียม ดี-กลูคาเรท DIM ซึ่งหาทานได้ในพืชตระกูลกะหล่ำ(แต่อาจจะไม่มีประสิทธิภาพสูงมากเท่ายาที่ใช้ในการรักษาโรค)

แต่หากได้รับการบำบัดป้องกันทั้งสองวิธีนี้ย่อมสามารถช่วยให้ฮอร์โมนในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในทางสมดุลได้มากขึ้น สำหรับสารอาหารอย่างแคลเซียมดี-กลูคาเรทจะช่วยให้ตับสามารถขับเอสโตรเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนวิตามินบีหลากหลายชนิดจะช่วยในเรื่องกระบวนการเมตาบอลิซึมสำหรับเอสโตรเจนในตับ นอกจากนี้ แชท ดาราม คาวเออร์, N.D. ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและการศึกษาด้านมะเร็งเต้านมได้แนะนำให้ทานวิตามินรวมหลายชนิด

รวมถึงโคคิว 10 และวิตามินซีในปริมาณสูง และควรทานเห็ดที่ให้คุณสมบัติในการรักษาและป้องกันโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างเช่นเห็ดไมตาเกะ (Maitake E-Frction) โดยอาจจะทานในรูปแบบอาหารเสริมที่สกัดจากเห็ดดังกล่าวอีกทีก็ได้

5. ออกกำลังกายป้องกันมะเร็ง
ศูนย์วิจัย Fred Hutchinson Cancer Research (FHCRC) ในเมืองซีแอตเติลได้บอกไว้ว่า การออกกำลังกายจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลงได้ 30-40% และผู้หญิงที่ยังอยู่ในวัยเยาว์ซึ่งเป็นนักกีฬามักจะมีรอบเดือนช้ากว่า

ทำให้สามารถลดระยะเวลาต่อการเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งเต้านมได้มากกว่าเมื่อพวกเขาเข้าสู่วัยหลังหมดประจำเดือน สำหรับการออกกำลังกายที่ดีที่สุดนั้น อาจจะไม่จำเป็นต้องเร่งออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป เพราะใช่ว่าจะดีต่อสุขภาพร่างกายเสมอไป แนะนำให้เดินเร็วก็นับว่าเพียงพอกับร่างกายแล้ว

การที่เราจะออกกำลังกายด้วยกีฬาประเภทใดก็ตาม ขอแค่เน้นออกเพื่อให้อัตราการเต้นของหัวใจมีจังหวะเร็วขึ้นก็นับว่าช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีแล้ว นอกจากทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นยังสามารถช่วยป้องกันโรคร้ายคุกคามอย่างมะเร็งเต้านมได้ดีอีกด้วย

6. ดูแลสุขภาพด้วยการใส่ใจพฤติกรรม
พยายามใช้ชีวิตให้ห่างจากสารพิษต่างๆ มากที่สุดและควรรับประทานอาหารที่ได้จากพืชพรรณธรรมชาติโดยควรหลีกเลี่ยงสารฆ่าแมลงและควรล้างผักผลไม้ให้สะอาดเพียงพอก่อนนำมารับประทานทุกครั้ง

นอกจากนี้ ควรเลิกดื่มเครื่องดื่มแลอกอฮอล์ เลิกสูบบุหรี่ ทั้งยังไม่ควรปล่อยให้สภาพจิตใจเครียดจนเกินไป ควรหากิจกรรมผ่อนคลายทำเพื่อสร้างสรรค์ชีวิตให้มีความสนุกครื้นเครงบ้างและที่สำคัญควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร The Journal of the American Medical Association ระบุว่าความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านมจะสามารถลดลงได้หากเราลดปริมาณการใช้ยาปฏิชีวนะ

ดังนั้น นี่อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าศึกษาเรียนรู้ไว้เพื่อเราจะได้หาทนทางรักษาโรคด้วยวิถีทางแบบธรรมชาติควบคู่กันด้วยซึ่งย่อมดีกว่าการพึ่งพายาปฏิชีวะในยามเจ็บป่วยได้ดีอย่างมากทีเดียว

โรคมะเร็งเต้านมเป็นโรคที่มักเกิดขึ้นบ่อยในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ดังนั้น หากสาวๆ คนไหนที่ยังอายุไม่มากก็อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจไป บางทีโรคดังกล่าวอาจสามารถตรวจพบได้เร็วก็เป็นได้หากคนภายในครอบครัวของเราป่วยเป็นมะเร็งเต้านมมาแล้ว

เพราะฉะนั้น การรับมือป้องกันด้วยการหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพให้แข็งแรงตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วย 6 คำแนะนำดังกล่าวย่อมทำให้เราห่างไกลจากมะเร็งเต้านมได้อย่างอยู่หมัดแน่นอนค่ะ