pm2.5 ทำให้หลอดเลือดอักเสบ

PM2.5 หรือฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน เป็นสารมลพิษทางอากาศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอักเสบของหลอดเลือดในร่างกาย ฝุ่น PM2.5 มีขนาดเล็กมากจนสามารถเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดได้โดยง่าย ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบหลอดเลือดในหลาย ๆ ด้าน

หนึ่งในกลไกที่ PM2.5 ทำให้เกิดการอักเสบในหลอดเลือดคือ การกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อฝุ่นละออง PM2.5 ถูกสูดเข้าปอด

มันสามารถทะลุเข้าสู่กระแสเลือดผ่านทางเนื้อเยื่อปอดและไปยังหลอดเลือดต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะรับรู้ PM2.5 เป็นสารแปลกปลอมและเริ่มทำการตอบสนองโดยการหลั่งสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ เช่น cytokines และ chemokines ซึ่งสารเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการอักเสบในบริเวณที่ PM2.5 สะสมอยู่

การอักเสบที่เกิดขึ้นในหลอดเลือดนี้สามารถนำไปสู่ภาวะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคหลอดเลือด เช่น หลอดเลือดแข็ง (atherosclerosis) ซึ่งเป็นภาวะที่ไขมันและสารมลพิษอื่น ๆ สะสมตามผนังหลอดเลือดและทำให้หลอดเลือดหนาขึ้น

และสูญเสียความยืดหยุ่น หลอดเลือดที่แข็งและแคบลงทำให้เลือดไหลเวียนได้ยากขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมอง

 

นอกจากการอักเสบโดยตรง PM2.5 ยังทำลายเซลล์ผนังหลอดเลือดโดยกระบวนการที่เรียกว่า oxidative stress หรือความเครียดออกซิเดชัน

ฝุ่นละอองนี้สามารถทำลายโครงสร้างของเซลล์และเนื้อเยื่อในหลอดเลือด ทำให้เซลล์ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ความเครียดออกซิเดชันนี้ยังเพิ่มการเกิดอนุมูลอิสระ (free radicals) ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้นในเซลล์หลอดเลือด และทำให้ผนังหลอดเลือดเสื่อมลงเร็วขึ้น ผลที่ตามมาคือหลอดเลือดมีความเสี่ยงสูงต่อการอักเสบและการเกิดโรคหลอดเลือด

การสัมผัส PM2.5 เป็นระยะเวลานานยังเชื่อมโยงกับการเพิ่มขึ้นของการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคปอด โรคเบาหวาน และโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ PM2.5 ยังมีผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งควบคุมการหดและขยายของหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนเลือดผิดปกติและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ

 

ในทางปฏิบัติ การลดความเสี่ยงจาก PM2.5 ควรมุ่งไปที่การป้องกันการสัมผัสโดยตรง เช่น การใช้หน้ากากป้องกันที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้

การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศในบ้าน และการหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งในช่วงที่ค่าฝุ่นละอองสูง การปรับปรุงคุณภาพอากาศในระดับสังคม เช่น การลดการเผาไหม้ในที่โล่ง และการพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาด เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการลดผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM2.5

สรุปแล้ว ฝุ่น PM2.5 มีผลกระทบที่ชัดเจนต่อการอักเสบของหลอดเลือดและนำไปสู่การเกิดโรคหลอดเลือดหลายชนิด การป้องกันและลดการสัมผัส PM2.5 เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยปกป้องสุขภาพในระยะยาว และลดความเสี่ยงของโรคร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับระบบหลอดเลือด

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล

แนะนำ สมุนไพรช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้

สมุนไพรช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน เนื่องจากในสมัยปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่มักที่จะปล่อยละเลยการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเอง จนทำให้สุขภาพร่างกายนั้นอ่อนแอและมีก็พบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอไปด้วย

ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการที่เรามีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายที่อ่อนแอนั้นถือเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้ร่างกายของเราได้รับโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคภัยต่างๆได้ง่ายมากขึ้น ยิ่งในสมัยนี้โรคระบาดโควิด ถือเป็นหนึ่งในโรคที่มีความอันตรายร้ายแรงเป็นอย่างมาก แถมยังอาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องหมั่นดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสริมสร้างระบบคุ้มกันโรคให้แข็งแรงอยู่เสมอ

ซึ่งหลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าในสมัยนี้การที่เราจะดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้แข็งแรงนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธีที่แตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อยู่เป็นประจำ

แต่รู้หรือไม่ว่า ในสมัยนี้ยังมีวิธีการดูแลระบบภูมิคุ้มกันของเราให้แข็งแรงด้วยการใช้สมุนไพร ซึ่ง  เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล   ในส่วนนี้หลายๆคนอาจจะมองข้ามไป

ฉะนั้น วันนี้เราก็จะมาแนะนำสมุนไพรที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของเราให้แข็งแรง รับรองได้เลยว่านอกจากจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงยังดีต่อสุขภาพร่างกายของเราอีกด้วย จะมีสมุนไพรชนิดไหนกันบ้างไปดูกันเลย

1.ขิง

แน่นอนว่าสมุนไพรชนิดนี้เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่สามารถหาได้ง่ายๆแถมยังมีสรรพคุณทางยาที่ดีมากๆอีกด้วย ซึ่งสำหรับใครที่อยากเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง การใช้สมุนไพรชนิดนี้ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของเราให้แข็งแรงได้ แถมยังช่วยลดการเป็นหวัด ช่วยต้านการอักเสบภายในร่างกาย และช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

2.อบเชย

หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อสมุนไพรชนิดนี้กันอยู่แล้ว ซึ่งรู้หรือไม่ว่าอบเชยจะอุดมไปด้วย สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีส่วนช่วยในการต้านเชื้อรา ต้านเชื้อแบคทีเรีย และต้านการอักเสบภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้หากเราน้ำสมุนไพรชนิดนี้นำมาประกอบอาหาร หรือนำมาช่วยบรรเทาอาการต่างๆได้ขอบอกเลยว่าจะช่วยเสริมสร้าง ภูมิคุ้มกันร่างกายของเราให้แข็งแรงได้แถมยังมีประโยชน์ดีๆต่อร่างกายของเราอีกด้วย

3.สะระแหน่

หลายคนอาจจะมองว่าสมุนไพรชนิดนี้เป็นผักชนิดหนึ่งที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูแต่รู้หรือไม่ว่าสมุนไพรชนิดนี้ ถือเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาเยอะมากๆ เพราะอุดมไปด้วยสารฟลาวโวนอยด์ แถมยังมีสารที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของเราให้แข็งแรงได้ รับรองได้เลยว่าหากใครที่อยากเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันการทานสะระแหน่เป็นประจำนั้นจะช่วยได้อย่างแน่นอน

กระดูกมนุษย์แข็งแรงกว่าเหล็ก

หลายสิ่งหลายอย่างจึงตั้งมากมายที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ ล้วนแล้วแต่มีความน่าอัศจรรย์ใจทั้งสิ้น

กระดูกมนุษย์แข็งแรงกว่าเหล็ก ซึ่งในวันนี้เรื่องราวที่เรากำลังจะพูดถึง  เป็นสิ่งสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับร่างกายที่คุณอาจยังไม่เคยได้รับรับรู้มนุษย์นั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย ที่แม้ว่าเราจะมีการศึกษาแล้วแต่ก็ยังมีสิ่งที่เราเองก็ยังไม่เคยได้รับรู้ด้วยเช่นเดียวกัน และสิ่งที่กำลังจะพูดถึงต่อไปนี้น้อยคนนัก  ที่จะรับรู้ว่ากระดูกของมนุษย์นั้นแข็งแรงกว่าเหล็กซึ่งเหตุผลทำไมมันแข็งแรงกว่าเหล็ก ในวันนี้เรามีคำตอบและก็อยากให้ทุกคนลองไปศึกษาและทำความรู้จักเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้พร้อมกัน

อวัยวะต่างๆในร่างกายของเราทั้งที่เราเองมองเห็น และสิ่งที่เราเองก็มองไม่เห็นที่มันอยู่ข้างในของตัวเรานั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มีความน่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมาก

  ทุกสิ่งทุกอย่างทำงานกันอย่างเป็นระบบระเบียบทำให้ร่างกายของเราสามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างไม่ติดขัดอะไร แน่นอนว่าเรื่องราวที่เรากำลังจะพูดถึงในวันนี้นั้นเป็นเรื่องราวที่มีความสนใจเป็นอย่างมาก  มันเกี่ยวกับกระดูกของมนุษย์ที่คุณอาจยังไม่เคยได้รับรู้มาก่อนความรักที่เกี่ยวข้องกับกระดูก  ที่เรากำลังจะพูดถึงนี้มีความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน

ก็ทำความรู้จักมันพร้อมกันเลยดีกว่า  กับสิ่งที่คุณเองอาจจะไม่เคยได้เรียนรู้กับเรื่องใดที่มีชื่อว่ากระดูกของมนุษย์นั้นแข็งแรงกว่าเหล็ก  ซึ่งเหตุผลที่มันแข็งแรงกว่านั้นเพราะอะไรไปทำความรู้จักกับมันพร้อมกันเลยลองทายกันดูซิว่า วัสดุชีวภาพที่มีความแข็งแรงมากที่สุดคืออะไร คำตอบก็คือกระดูกของมนุษย์นั้นเอง  เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล   ไม่เชื่อใช่ไหมล่ะ  แต่งานวิจัยพบว่าเป็นเรื่องจริง โครงสร้างของกระดูกมนุษย์ แข็งแรงกว่าคอนกรีตประมาณ 4 เท่า

และยังแข็งแรงกว่าเดิมถึง 5 เท่า เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำหนักเท่ากัน แต่จะต่างกันตรงที่ความหนาแน่นของกระดูกไม่สามารถเทียบเท่ากับเหล็กได้  ยังไงก็ตามอย่าเพิ่งทดสอบว่ามันแข็งกว่าเหล็กจริงไมโดยการทดสอบความแข็งแรงด้วยการใช้อุปกรณ์กระแทกลงบนแขน หรือขา เดี๋ยวเจ็บตัวขึ้นมาจะหาว่าไม่เตือน นอกจากเรื่องราวที่เราได้กล่าวไปข้างต้น

  ก็ยังมีอะไรอีกมากมายที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากที่เรายังไม่ได้พูดถึง แต่หากว่าคุณสนใจอยากจะทำความรู้จักศึกษาสิ่งต่างๆเกี่ยวกับร่างกายของเราเพิ่มเติมไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย  ข้อมูลต่างๆสามารถศึกษาได้ภายในอินเตอร์เน็ตหรือว่าจะหาหนังสือที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของกระดูกหรืออวัยวะอื่นๆในร่างกายของเราโดยเฉพาะมาศึกษาดูก็น่าสนใจอีกเช่นเดียวกัน