การเลือกสวมใส่รองเท้า

รองเท้าเป็นสิ่งที่ค่อนข้างส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพ เพราะหากเลือกสวมใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะกับสรีระเท้าหรือสรีระร่างกายก็อาจจะทำให้เกิดอาการต่างๆได้ อาการที่พบบ่อยที่เกิดจากการใส่รองเท้าไม่เหมาะสมกับสรีระเท้าและร่างกายนั้นคือ อาการปวดหลัง ซึ่งบางคนอาจจะไม่ทราบว่าการใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมกับสรีระเท้าและสรีระร่างกายของตนเองนั้นจะนำมาซึ่งอาการปวดหลัง เพราะเท้าและหลังนั้นมีเส้นประสารทที่เชื่อกันอยู่นั่นเองทำให้เมื่อสวมรองเท้าที่ผิดรูปกับสรีระเท้าก็อาจจะทำให้เท้านั้นไม่สามารถที่จะรับน้ำหนักตัวได้จึงเกิดเป็นอาการเปิดหลังนั้นเอง

การเลือกสวมใส่รองเท้าที่เหมาะสมนั้นก็จะต้องเลือกรองเท้าที่มีรูปร่างลักษณะที่เหมาะกับเท้า ยกตัวอย่างเช่น คนที่มีรูปร่างเท้าเรียวยาวก็ควรจะใส่รองเท้าที่มีลักษณะเป็นทรงเรียวยาว เพราะจะทำให้รองเท้านั้นมีความพอดีและกระชับเข้ากับเท้าและเมื่อใส่แล้วต้องรู้สึกว่าสามารถเดินได้สบายรองเท้าต้อองไม่หลวมหรือคับเกินไป เพราะถ้าหากคับหรือหลวมเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดรองเท้ากัดหรือเท้าพลิกจากรองเท้าที่หลวมเนื่องจากเวลาเดินนั่นเอง โดยปกตอแล้วคนที่มีรูปร่างเท้าเรียวยาวจะค่อนข้างหารองเท้าที่เหมาะกับเท้าได้ง่าย แต่หากเป็นเท้าที่ไม่ยาวมากแต่หน้าเท้ามีความกว้างนั้น

หากเลือกสวมใส่รองเท้าที่มีลักษณะเรียวยาวก็อาจจะทำให้รองเท้าบีบเท้าได้ ดังนั้นคนที่มีลักษณะเท้ากว้างก็อาจจะต้องเลือกรองเท้าที่มีทรงใหญ่เช่น รองเท้าที่หัวรีหรือหัวเหลี่ยมไม่ควรเลือกใส่รองเท้าหัวแหลมเพราะจะเกิดการบีบรัดจาดรองเท้านั้นเองหรือถ้าหากมีความต้องการที่จะใส่รองเท้าหัวแหลมจริงๆ ก็ควรต้องเพิ่มไซส์รองเท้า 1-2 เบอร์เพื่อให้ไม่เกิดการบีบรัดจากรองเท้า และทำหนับคนที่มีลักษณะใต้เท้าเว้าก็จะต้องระวังในการเลือกใส่รองเท้าให้ดู เพราะว่าคนที่มีใต้เท้าเว้านั้นหากใส่รองเท้าที่ไม่มีการรับรองใต้เท้าที่ดีนั้นก็อาจจะเกิดอาการเจ็บหรือปวดเท้าได้และอาจจะรวมไปถึงอาการปวดหลังได้ด้วย สำหรับคนที่มีใต้เท้าเว้านั้นจะต้องเลือกใส่รองเท้าที่มีการเสริมใต้เท้าเพื่อให้รองรับใต้เท้านั่นเอง 

ดังนั้นการเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับสรีระเท้าและสรีระร่างกายนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก และในปัจจุบันก็มีรองเท้าหลากหลายให้เราได้เลือกใส่ สิ่งสำคัญในการเลือกรงเท้านอกจากความชอบและความสวยงามแล้วเราต้องคำนึงถึงลักษณะเท้าของตัวเองด้วย เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นรองเท้าที่เราชอบและแพงแค่ไหน ถ้ารองเท้าไม่เหมาะกับสรีระของท้าและร่างกายเราเราก็ไม่ควรเลือกที่จะใส่รองเท้าคู่นั้น เพราะยางครั้งผลลัพธ์ที่ตามาอาจจะไม่คุ้มก็ได้

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์

ใครผิด

          โรคติดต่อมีหลายชนิด ทั้งอันตรายจนถึงชีวิตและโรคที่เป็นแล้วสามารถหายเองได้หากดูแล  ปฏิบัติตัวเองอย่างถูกต้อง  และมีบางโรคที่ผู้ป่วยเป็นแล้วไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้  อาศัยแค่กำลังใจ  และยาบรรเทาเท่านั้น  สิ่งสำคัญคือกำลังใจช่วยผู้ที่ป่วยให้มีกำลังใจสู้กับโรคร้ายนี้และไม่แสดงกิริยารังเกลียดผู้ที่ป่วยเป็นโรคร้ายที่ติดเชื้อ เอสไอวีหรือโรคเอดส์

          ซึ่งเราได้รู้แล้วว่าโรคเอดส์เกิดจากเชื่อไวรัสที่มันเข้าไปทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกาย ติดเชื้อได้ หลายทาง เช่น 1)ทางเพศสัมพันธ์กับกลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดโรคและไม่สวมถุงยางอนามัย 2) การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อ3) ติดเชื้อโดยทางการให้เลือดที่มีเชื้ออยู่แล้ว  4)ติดต่อจากแม่ไปสู่ลูกคณะแม่ตั้งครรภ์

กิจกรรมที่คนทั่วไปสามารถทำร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ได้  โดยไม่สามารถติดต่อได้ เช่น การจับมือกับผู้ป่วย  การดื่มน้ำแก้วเดียวกัน  การใช้อุปกรณ์ถ้วยชามเดียวกัน การจูบ การกอด การกระทำเหล่านี้โรคไม่สามารถติดต่อหากันได้คนในสังคมส่วนใหญ่เริ่มเข้าใจเริ่มเรียนรู้ว่าโรคนี้ไม่สามารถติดต่อกันได้ง่ายๆและสามารถใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับคนในสังคมได้เหมือนเช่นคนปกติ

        แต่ผู้ป่วยบางคนยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองไม่ได้  รับไม่ไหว  อ่อนแอเกินกว่าที่จะต่อสู้ต่อไปได้  กับเลือกเส้นทางที่จะจบชีวิตของตัวเองเป็นทางออก  ด้วยการฆ่าตัวตายเป็นทางเลือกที่จะยุติทุกอย่างอย่างถาวร  เป็นที่น่าเสียดาย ชีวิตที่ผ่านมาของเธอ  เป็นชีวิตที่ดูดีในสังคมหลายคนอิจฉาชีวิตเธอที่เพียบพร้อมไปทุกอย่างทั้งรูปร่าง  หน้าตา หน้าที่การงาน ทรัพย์สิน เงินทอง  เป็นครอบครัวที่คนมองแล้วมีแต่ความอบอุ่น  ความรักจากผู้คนรอบข้าง  ผู้คนห้อมล้อม ไม่ว่าเธอจะทำอะไรผู้คนพร้อมทำตาม  ให้ความช่วยเหลือ  นั่นคือสิ่งที่เรามองเห็นภายนอก  แต่ภายในบ้านใหญ่โตนั้นเราไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น  จนเธอเลือกเส้นทางการจบชีวิตเธอแบบนี้  คนจึงเริ่มรู้ปัญหา

  แต่คงไม่ใช่ทุกเรื่องราวของเธอ  แต่ที่รู้  คือ  ความมักง่ายของผู้ชาย ของสามีเธอ  ที่เป็นคนชอบเที่ยว จนนำโรคร้ายมาสู่เธอ ถึงแม้เธอจะมีความรู้ ทุกอย่างว่าโรคเอดส์ติดต่อกันไม่ได้ง่ายๆรักษาให้ถูกทาง ก็สามารถมีชีวิตเหมือนคนปกติได้   แต่จิตใจเธอกับไม่เข้มแข็งพอ ไม่ยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นแม้เพื่อนๆและคนรอบข้างจะพูดจะอธิบายอย่างไร  สุดท้ายเธอเลือกเส้นทางของเธอเอง

     สุดท้ายจริงๆเหตุการณ์นี้เราจะโทษใครโทษสามีเธอ โทษผู้หญิงกลุ่มนั้น หรือโทษตัวเธอเอง…เราแค่ขอส่งกำลังใจให้กับผู้ป่วยโรคร้ายทุกชนิดขอให้เข้มแข็ง  อดทนจนผ่านไปได้ด้วยดี

 

สนับสนุนโดย  ชุดตรวจ hiv

อาการเด็กน้อยหรือทารกนั้นท้องเสีย

เมื่อลูกน้อยนั้นมีอาการท้องเสียสิ่งแรกที่เรานั้นดูแลคือว่าเรานั้นต้องสังเกตให้ดีว่าลูกน้อยเรานั้นรับประทานอะไรไปบ้างแต่ถ้าลูกน้อยเรานั้นกินแต่นมแม่นั้นอย่างเดียวก็คือตัวเรานั้นกินอะไรเข้าไปบ้างเพราะว่าลูกน้อยนั้นกินนมแม่ซึ่งคนเป็นแม่นั้นเวลาที่จะกินอะไรนั้นต้องเลือกและดูด้วยว่าลูกน้อยเรานั้นกินอะไรเข้าไปบ้างถึงทำให้ลูกน้อยเรานั้นท้องเสีย การที่เรานั้นเป็นแม่เริ่มแรกนั้นเราต้องเลือกกินอาหารที่มีรสชาติจืดก่อนเพราะว่าหลังจากนั้นลูกน้อยนั้น

จะได้อาหารจากที่แม่นั้นกินเข้าไปซึ่งเรานั้นต้องเลือกการกินให้ถูกแต่ถ้าแม่นั้นก็กินอาหารที่ปกติแต่ว่าลูกน้อยนั้นท้องเสียเราก็ต้องมาดูกันว่าอาการที่ลูกน้อยเรานั้นท้องเสียเพราะว่าลูกน้อยเรานั้นมีอาการที่ยืดตัวหรือเปล่าถ้าลูกน้อยเรานั้นยืดตัวก็จะทำให้ลูกน้อยเรานั้นท้องเสียได้เหมือนกันแต่ถ้าลูกน้อยเรานั้นยืดตัวคือปกติแต่เราก็ต้องดูแลเรื่องความสะอาดให้ดีและเรียบร้อยเพราะว่าลูกน้อยเรานั้นก็ถ่ายท้องได้บ่อยเหมือนกัน

แต่ถ้าลูกน้อยเรานั้นกินนมผงหรือว่านมชงนั้นเราก็ต้องดูว่าลูกนั้นเรานั้นกินนมผงยี่ห้อนี้ถูกหรือไม่เพราะว่าบางทีลูกน้อยเรานั้นก็แพ้นมวัวเหมือนกันซึ่งเรานั้นต้องเปลี่ยนนมให้ลูกก่อนจากที่เคยกินยี่ห้อหนึ่งก็เปลี่ยนมากินอีกยี่ห้อหนึ่งแล้วให้สังเกตว่าลูกน้อยเรานั้นยังท้องเสียอยู่หรือเปล่าการที่เรานั้นให้ลูกกินนมชงหรือว่านมผงนั้นเราต้องใช้เวลาเหมือนกันบางทีเด็กนั้นก็ไม่ท้องเสียนะ

แต่เด็กบางคนท้องผูกไปเลยเพราะว่ากินนมผงที่ไม่ถูกแต่ถ้าเด็กนั้นกินนมที่ถูกนะลูกน้อยจะถ่ายท้องแบบปกติ ท้องไม่ผูกและอึของลูกนั้นจะสีเหลืองปกติ แต่ถ้าอึของลูกนั้นสีไม่ปกติจะมีสีเขียวหรือว่ามีเลือดออกนั้นเราแนะนำให้พบแพทย์จะดีกว่าเพราะว่าแพทย์นั้นจะได้แนะนำเราอย่าถูกต้องและจะช่วยเลือกในการที่ให้เรานั้นซื้อนมอะไรให้ลูกน้อยเรากิน ส่วนลูกน้อยบ้านไหนที่เปลี่ยนนมผงมาหลายยี่ห้อแล้วลูกน้อยเรานั้นมีอาการท้องเสียบวกกับมีผืนขึ้นตามตัวนั้นเรานั้นให้สันนิฐานก่อนเลยว่าลูกน้อยเรานั้นแพ้นมวัวแล้ว  คราวนี้คุณแม่นั้นต้องให้ลูกนั้นกินมนแม่ แต่ถ้าคุณแม่นั้น

จะไปทำงานเราก็สามารถที่จะปั้มนมให้ลูกเรานั้นกินไว้ได้เหมือนกันเพราะว่าเดียวนี้คุณแม่ยุคใหม่นั้นเลือกที่จะปั้มนมแล้วแช่เอาไว้ให้ลูกน้อยเรานั้นกินเพื่อที่จะให้ลูกน้อยเรานั้นได้รับนมแม่และอีกอย่างได้รับสารอาหารที่ดีแก่ลูกน้อยเพราะว่าคุณหมอนั้นก็เคยบอกแล้วว่านมแม่นั้นเป็นอะไรที่ดีและมีคุณค่าอย่างมาก 

 

สนับสนุนโดย  หวยออนไลน์ขั้นต่ำ 1 บาท

ทำความรู้จักเกี่ยวกับโรคหูอักเสบ

หูอักเสบเป็นอีกหนึ่งอาการของโรคที่เกิดจากหูชั้นใน หูอักเสบนั้นเป็นโรคที่ถ้าเกิดขึ้นแล้วสามารถรักษาให้หายได้โดยหลากหลายวิธี เช่นการไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี เพื่อให้แพทย์แนะนำเกี่ยวกับการดูแลรักษาหูเบื้องต้นเพื่อไม่ให้มีอาการอักเสบเกิดขึ้น และหลักการดูแลเบื่องต้นของอาการหูอักเสบ ได้แก่ การทานยาให้ตรงตามที่แพทย์สั่ง

และยังมีวิธีที่เราสามารถทำเองได้เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดอาการหูอักเสบได้ เช่น การไม่เสียบหูฟังเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้หูเกิดอาการอักเสบได้ , ระมัดระวังไม่ให้น้ำเข้าหูปล่อยๆ เพราะจะทำให้เกิดน้ำขังในหูและอาจจะเป็นสาเหตุของอาการหูอักเสบ, ไม่นำตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่เสียงดังๆเป็นเวลานานๆเพราะจะทำหูเกิดอากาศเจ็บ และจะทำให้เกิดอาการหูอักเสบได้

เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องดูแลตัวเองให้ดี เพราะถ้าเป็นโรคหูอักเสบอาจส่งผลกระทบต่องานที่ทำและส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ เพราะ การได้ยินก็อาจจะลดลงและยังเป็นสาเหตุเบื่องต้นของโรคหูอื่นๆ ถ้าหากเป็นโรคหูอักเสบถ้าหากไม่รักษาให้หายดีอาจจะทำให้เป็นโรคหูน้ำหนวก โรคหูหนวก โรคเยื้อหูชั้นนอกอักเสบ โรคหูเน่า โรคหูชั้นในอักเสบ 

ฉะนั้นเราต้องดูแลรักษาหูให้เป็นอย่างดีนั้นไม่ควรมองห้ามเรื่องหู เพราะหูก็เป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่สำคัญไม่แพ้อวัยวะอื่นๆของร่างกายเลย โดยถ้าหากละเลยการดูแลหู อาจจะส่งผลให้เป็นโรคเกี่ยวกับหูซึ่งจะทำให้ลำบากต่อการใช้ชีวิต ลำบากต่อการทำงาน และยังเสียทรัพย์สินในการรักษาด้วย การที่เราเป็นโรคหูอักเสบนั้นทำให้เราเจ็บหูมากและจะมีน้ำหนองออกมาจากหูและถ้าหากว่าน้ำหนองขังที่หูก็จะเกิดอาการหูเน่าซึ่งรักษายากมาก และจะทำให้เกิดโรคหูอื่นๆตามมาก เช่นโรคหูน้ำหนอง โรคหูน้ำหนวก โรคหูเน่า โรคหูชั้นในอักเสบ โรคหูชั้นนอกอักเสบ โรคตึง โรคหูหนวก โรคแก้วหูอักเสบ โรคแก้วหูแตก

ซึ่งแต่ละโรคนั้นไม่มีเอาซะเลย และถ้าหากเรารักษาไม่ทัน ก็อาจจะหูหนวกตลอดชีวิต ซึ่งการที่ราหูหนวกนั้นก็จะส่งผลต่างๆต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้เราใช้ชีวิตลำบากขึ้นมากๆ ซึ่งถ้าหากไม่รักษาหูของเราให้ดีๆเราก็มีโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับหูได้ง่าย ฉะนั้นการดูแลรักษาหูแบบเบื้องต้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่เราจะต้องศึกษาเอาไว้ เพราะจะเป็นวิธีหลีกเลี่ยงจากการเกิดโรคทางหูได้ดีเลยที่เดียวเพราะหูเป็นอวัยวะที่สำคัญมากมาก

 

ได้รับการสนับสนุนมาจาก  เครื่องช่วยฟัง

เลิกบุหรี่แบบ ค่อยๆลด จำนวนลง

การตัดสินใจที่จะเลิกบุหรี่คือ การตัดสินใจที่สำคัญและไม่ง่าย ซึ่งจำเป็นที่คุณควรต้องเลือกกรรมวิธีการที่เหมาะที่สุดกับคุณ

คุณอาจตัดสินใจเลิกแบบเด็ดขาดโดยหักดิบ หรือจะค่อยๆลดปริมาณบุหรี่ที่คุณสูบลงทีละเล็กละน้อย ขึ้นอยู่กับคุณ ซึ่งถ้าหากคุณตกลงใจที่จะเลิกแบบค่อยๆลด คุณก็จำเป็นต้องรู้กรรมวิธีลด แล้วก็รู้ว่าจะจัดการกับมันตลอดเส้นทางการลดได้อย่างไร

พวกเรามั่นใจว่าคุณกำลังทำสิ่งที่น่าทึ่ง การเลิกบุหรี่เป็นการผจญภัยอย่างหนึ่ง และก็พวกเราก็พร้อมที่จะช่วยเหลือคุณทุกๆขั้นตอน

สิ่งที่คุณควรในระหว่างการเลิกบุหรี่แบบค่อยๆ ลด

เมื่อตกลงใจว่าจะเลิกแบบค่อยๆลด คุณจำเป็นต้องคิดถึงแล้วก็ทำสิ่งเหล่านี้

-คุณน่าจะค่อยๆปรับพฤติกรรมเพื่อลดนิสัยหรือพฤติกรรมบางสิ่งบางอย่างที่ผูกกับการสูบบุหรี่ทีละเล็กละน้อย เพื่อให้เลิกได้ถาวร แล้วก็การถูกกระตุ้นกลับมาสูบใหม่จะน้อยลง

-คุณควรจะฉลองให้กับชัยชนะเล็กๆในช่วงเวลาที่คุณลด เพื่อสร้างความมั่นใจของคุณให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

-คุณควรต้องค่อยๆก้าวข้ามผ่านทีละเสต็ปช่วง อย่าอยู่นิ่งกับจุดเดิม ถ้าเกิดจะเผลอกลับไปสูบบ้างก็ช่างเถอะ รู้ให้ทัน แล้วก็จัดการกับมัน

-คุณสามารถทำกิจวัตรประจำวันทั่วๆไป เหมือนที่คุณทำตามปกติ ตลอดระยะเวลาการลดบุหรี่ของคุณ

ความสำเร็จในการเลิกแบบค่อยๆ ลด

คุณเคยพบอุปสรรคในการเลิกบุหรี่มาก่อนไหม การเลิกแบบค่อยๆ ลดจำนวนบุหรี่ที่สูบไปพร้อมๆ กับโปรแกรม “ลดเพื่อเลิก” ของเรา คุณจะเพิ่มโอกาสในการเลิกอย่างเด็ดขาดได้ถึง 4 เท่า

ลดเพื่อเลิก คือการที่คุณค่อยๆ ลดจำนวนของบุหรี่ที่สูบลงทีละน้อย และใช้ตัวช่วยนิโคติน เข้าไปช่วยทดแทนมวนบุหรี่ และจัดการกับอาการอยากนิโคติน หรือ อยากบุหรี่ ในระหว่างมวนที่ลดลง

แนะนำให้คุณตั้งเป้าหมายหลังจากที่เริ่มลด จนเลิกบุหรี่ได้เด็ดขาดภายใน 6 เดือน อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงคำแนะนำ หากคุณไม่สามารถเลิกได้อย่างเด็ดขาดหลังพ้น 6 เดือนไปแล้ว สามารถ สอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติมได้

ปริมาณที่แนะนำ

นี่คือปริมาณที่แนะนำสำหรับผู้ที่ใช้วิธีการ ลดเพื่อเลิก

-0 – 6 สัปดาห์ : ผ่อนคลายไปกับมัน  ระบุจำนวนบุหรี่ที่น้อยที่สุดต่อวันที่คุณต้องการ แล้วทดแทนส่วนที่เหลือด้วยนิโคตินทดแทน

-6 – 16 สัปดาห์: ลดปริมาณลง 50 เปอร์เซ็นต์  กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน และทิ้งหรือออกห่างบุหรี่ที่อยู่ใกล้ตัวคุณ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ทำให้คุณอยาก เช่น หลังตื่นนอน หรือหลังอาหาร แล้วใช้ตัวช่วยนิโคตินทดแทน เพื่อจัดการกับอาการอยากและการขาดนิโคติน ซึ่งคุณเริ่มคุ้นเคยกับมันแล้ว โดยช่วงเวลา 16 สัปดาห์ คุณควรตั้งเป้าหมายว่าต้องลดลงให้ได้ครึ่งหนึ่งของจำนวนบุหรี่ที่คุณสูบต่อวันก่อนเริ่มวิธีการนี้

-6 – 24 สัปดาห์ : ใกล้เส้นชัย  ลดจำนวนบุหรี่ต่อวันลงอย่างต่อเนื่องในขณะที่จัดการกับอาการอยากนิโคตินและอาการจากการขาดนิโคตินด้วยตัวช่วยนิโคตินทดแทน

ขอแสดงความยินดีที่เดินมาไกลขนาดนี้ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาคุณได้ลดการพึ่งพาบุหรี่ลง และเตรียมพร้อมมากขึ้นที่จะเลิกได้อย่างเด็ดขาด

 

สนับสนุนโดย  Kardinal stick รีวิว

อธิบายเกี่ยวกับ หูฟัง Custom In ear Moniter

หูฟัง Custom In ear Moniter มีลักษณะดังนี้

หูฟังคอสตอม อินเอียร มอนิเตอร์นั้น ออกแบบมาเพื่อการใช้งานของบุคคล คนนั้นโดยเฉพาะ การใช้งานจะไม่ต่างจากหูฟัง อินเอียร มอนิเตอร์มากนัก แต่มันจะเป็นแบบฉบับหรือเป็นตัวตนของเราเลยก็ว่าได้เพราะเจ้าสิ่งนี้ทำมาเพื่อตัวผู้ใช้เอง หลายๆท่านอาจจะเคยเห็นนักร้องที่ใส่หูฟังที่ติดหูส่วนตัวอยู่ตลอด เนื่องจากสั่งทำโดยเฉพาะ การทำหูฟังชนิดนี้เราจะต้องพิมพ์รูหูหล่อซิลิโคลนขึ้นมาแล้วส่งไปที่ต่างประเทศเพื่อพิมพ์แม่แบบ ของรูหูผู้ใช้โดยเฉพาะจะทำให้ได้รูปทรงที่กระชับป้องกันการรบกวนต่างๆ และไม่มีจุกยางอย่างหูฟังอินเอียรแบบทั่วไป

หูฟังอินเอียรแบบทั่วไปหรือหูฟัง อินเอียร มอนิเตอร์ ทั่วไปเป็นแบบไหน

จะมีจุกยางเพื่อทำให้เกิดความกระชับ และป้องกันเสียงหรือการรับฟังที่ดียิ่งขึ้น แต่ตัวของ Custom นี้เปรียบเสมือนกับเราสร้างมันขึ้นมา ให้เป็นของเราโดยตรง มันจะขึ้นรูปตามโครงสร้างของหูเราทำให้สวมใส่พอดี อย่างเช่น นักร้องเวลาร้องเพลงอยู่ท่ามกลางเครื่องเล่นดนตรีที่มีเสียงดังมากๆ รอบด้านจะทำให้มีสมาธิในการขับร้องหรือโฟกัสเสียงของตัวเองได้เป็นอย่างดีเนื่องจากหูฟังตัวนี้จะแสดงประสิทธิภาพป้องกันเสียงรอบนอกได้เกือบ 100 เปอร์เซ็น และยังรักษาแก้วหูของบุคคลนั้นๆอีกด้วย  หรือแม้แต่นักยิงปืนมันช่วยในการป้องกันเสียงที่ดังมากๆ

ยิ่งเสียงของปืนแต่หละชนิดมีความดังค่อยข้างสูงอาจทำให้ตัวบุคคลนั้นๆ ได้รับผมกระทบกระเทือนทางเรื่องใยแก้วหูได้ และอาจทำให้เสียสมาธิในการยิงปืนอีกด้วย และยังดีไซด์ให้มีสีสันตามที่เราต้องการได้อีกด้วย ประโยชน์ของมันคงหนีไม่พ้นพวกสายงาน ดนตรีทั่วไป การเช็คซาวด์หรือการใช้คัดแยกเรื่องเสียง ระบบการป้องกันเสียงรบกวน และยังดีต่อสุขภาพของหูเราอีกด้วย

 

 

สนับสนุนเรื่องราวดีๆเหล่านี้ โดย  เครื่องช่วยฟัง

4 เทคนิค “ลดหุ่น” ง่ายๆ

4 เทคนิค “ลดหุ่น” ง่ายๆ

1. ลดรับประทานเค็ม

ต่อให้รับประทานอาหารลดลงแล้ว แต่ถ้ายังรับประทานอาหารรสจัด โดยเฉพาะรสเค็ม เพราะเสี่ยงน้ำหนักลงยากขึ้น ด้วยเหตุว่าโซเดียมทำให้ตัวบวม โซเดียมที่สะสมอยู่ภายในร่างกายมากจนเกินความจำเป็นในจำนวน 400 มก. ทำให้น้ำหนักตัวมากขึ้นกว่า 1 โล เลยทีเดียว ด้วยเหตุดังกล่าวคนใดที่ตั้งจิตใจจะลดหุ่นด้วยการกินตำส้มปูปลาร้า ยำต่างๆ โปรดระวังการปรุงรสด้วย อย่าแต่งรสจัดจ้านมากไป นอกเหนือจากนั้น การกินรสเค็มมากๆ ยังเป็นการเพิ่มระดับเกรลิน (ฮอร์โมนหิว) เลยอาจจะส่งผลให้พวกเรายิ่งเจริญอาหารมากยิ่งกว่าเดิมได้อีกด้วย ต้องการจะชี้แนะให้ลดการปรุงรสของกิน ไม่ใช่แค่รสเค็ม รวมทั้งรสหวาน (น้ำตาล) และก็มัน (จากไขมันไม่ดี) ด้วย

2. เน้นย้ำโปรตีนดี ไขมันดี แป้งเชิงซ้อน รวมทั้งใยอาหารสูง

ตอนลดหุ่น นอกเหนือจากที่จะจำกัดจำนวนของกินที่กินแล้ว ควรจะย้ำไปที่ของกินชนิดโปรตีนดี (ไขมันจากสัตว์น้อย อย่างพวก อกไก่ ไข่ขาว เนื้อปลาเลาะหนัง ถั่วต่างๆ) ไขมันดี (น้ำมันที่ทำขึ้นมาจากมะกอก อะโวคาโด) แป้งเชิงซ้อน (ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท) พวกใยอาหารสูง (เมล็ดพืชต่างๆ ผักผลไม้สด ไม่คั้นแยกกาก) รวมทั้งอย่าลืมว่าจำเป็นต้องรับประทานให้ครบ 5 กลุ่มทุกมื้อ

3. ทานอาหารให้ตรงเวลา

ต้องการให้ลืมหัวข้อการแบ่งมื้อของกินออกเป็นหลายๆ มื้อ เพื่อให้ท้องอิ่มอยู่เสมอ เพราะว่าในความเป็นจริงแล้วการปลดปล่อยให้ร่างกายไปสู่โหมด fasting หรือไม่กินอาหารบ้าง จะมีผลดีต่อสถาพทางร่างกายได้มากกว่า รวมทั้งตอนที่ลดความอ้วนด้วย ด้วยเหตุนี้การกินให้ตามกำหนด ไม่มีมื้อย่อย มื้อของกินเล่น มื้อสาย หรือมื้อดึกดื่น จะช่วยทำให้ลดหุ่นได้เร็วมากยิ่งกว่าเดิมกว่า

4. บริหารร่างกายอีกทั้งคาร์ดิโอ รวมทั้งเวทเทรนนิ่ง

คนไม่ใช่น้อยที่กำลังลดความอ้วนบางทีอาจจะวิ่ง ขี่จักรยาน ว่าย หรือเต้นแอโรบิคเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งเป็นการเผาผลาญพลังงานส่วนเกินของร่างกายออกไปอย่างสำเร็จ แม้กระนั้นที่จริงแล้วถ้าต้องการบริหารร่างกายด้วยคาร์ดิโออย่างมีคุณภาพ สามารถเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น แม้ว่าจะใช้เวลาเหมือนเดิม ต้องบริหารร่างกายแบบเวทเทรนนิ่งพร้อมๆกันด้วย เพื่อสร้างเสริมกล้ามให้แข็งแรง สามารถคาร์ดิโอเจริญเพิ่มขึ้น ดังเช่น กล้ามเนื้อขาแข็งแรง หัวใจแข็งแรง ก็จะสามารถวิ่งได้นานขึ้น ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ หรือแอโรบิคได้นานขึ้นนั่นเอง

สิ่งจำเป็นที่สุดของการลดความอ้วน คือ การมีวินัยในตนเอง ทำให้ได้แบบเดิมเรื่อยๆ นานๆไม่ใจอ่อนเผลอทานอาหารพลังงานสูง หรือเว้นจากการบริหารร่างกายไปนานๆ และก็จำต้องให้เวลากับการลดความอ้วน อย่าใจร้อน ไม่สมควรน้ำหนักลดเกิน 1 กิโลต่ออาทิตย์ และไม่เกิน 4 โลต่อเดือน เพราะว่าถ้าเกิดน้ำหนักน้อยลงเร็วทันใจเหลือเกิน จะทำให้เกิดผลเสียและไม่ดีต่อระบบต่างๆ ภายในร่างกาย แล้วก็ยังมีการเสี่ยงที่น้ำหนักจะกลับมาเหมือนเดิม หรือมากยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากการเผาพลังงานภายในร่างกายแปรปรวนไปได้อีกด้วย

การรักษาเส้นเอ็นไหล่ฉีก

ภาวะเส้นเอ็นไหล่ฉีกขาด สามารถสรุปสาเหตุใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท คือ การฉีกขาดจากการเกิดอุบัติเหตุ และการฉีกขาดจากการเสื่อมสภาพ การฉีกขาดที่เกิดจากความเสื่อมของเส้นเอ็นหรือภาวะหินปูนในข้อไหล่ อาการปวดจะค่อยเป็นค่อยไป ตอนแรกอาจปวดไม่มากหรือหายไปเอง ต่อมาอาการปวดอาตรุนแรงขึ้นหรือถี่ขึ้น มีความยากลำบากในการใช้งานมากขึ้นหรือไหล่ติดมากขึ้น และมีอาการปวดตอนนอนตะแคงมากขึ้น

การตรวจวินิจฉัย
ในการรักษาผู้ป่วยเส้นเอ็นไหล่ฉีกขาดสิ่งที่แพทย์จะทำเมื่อผู้ป่วยมาพบ คือ ซักประวัติ ตรวจร่างกาย และ อาจทำเอ็กซ์เรย์หรือMRI (เอ็กซ์เรย์แม่เหล็กไฟฟ้า) ซึ่งเป็นอันที่สามารถดูเส้นเอ็น Rotator cuff ได้เป็นอย่างดี
การรักษา
ขึ้นอยู่กับว่าผู้ป่วยมีอการปวดรุนแรงถึงขั้นไหน และอาการของภาวะเส้นเอ็นไหล่ฉีกขาด ณ ตอนมาพบแพทย์นั้นมีลักษณะความหนักเบาถึงขั้นไหน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา รวมถึงการปฏิบัติตัว ดูแลตัวเอง รวมถึงรบกวนการใช้งานของไหล่ในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้การรักษาอาจแบ่งเป็น 2 แบบ คือ

1.การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
สำหรับผู้ป่วยที่พึ่งเริ่มมีอาการหรือลักษณะอาการยังไม่หนักหนาสาหัส สามารถรักษาโดยการให้ยาได้ โดยรับประทานยาพร้อมๆ กับการทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูไหล่ให้มีการใช้งาน ทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่น ร่วมกับการพักไหล่และปรับปรุงการใช้งานของไหล่ ประมาณ50% ของผู้ป่วยในกลุ่มที่มีเส้นเอ็นฉีกขาดบางส่วนจะดีขึ้นและสามารถกลับไปใช้งานไหล่ได้อย่างปกติหรือใกล้เคียงปกติ บางครั้งแพทย์อาจใช้วิธีฉีดยา (ยาสเตียรอยด์หรือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตีรอยด์) เข้าไปที่ข้อไหล่ถ้ารักษาโดยยารับประทานและ/หรือกายภาพแล้วยังไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

ข้อดีของการรักษาแบบไม่ผ่าตัด
เหตุผลที่สำคัญของการรักษาแบบไม่ผ่าตัด คือ ป้องกันความเสี่ยงหลังการผ่าตัดไม่ว่าจะเป็นภาวะติดเชื้อ ภาวะไหล่ติด ภาวะแทรกซ้อนจากการดมยา ซึ่งภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้พบได้น้อยในการผ่าตัดแบบส่องกล้องเย็บกรอหินปูนและเย็บซ่อมอมเส้นเอ็นหัวไหล่ ซึ่งผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการผ่าตัดก็ไม่ต้องเสี่ยงกับภาวะเหล่านี้ ในความเป็นไปได้ในการรักษาก็อาจจะมีมากกว่า

ข้อเสียของการรักษาแบบไม่ผ่าตัด
คือขนาดของเส้นเอ็นที่ฉีกขาดอาจขยายขนาดใหญ่ขึ้น อาจมีการจำกัดการใช้งานในบางท่า กำลังของการใช้งานอาจลดลง

2.การรักษาโดยการผ่าตัด
การรักษาโดยการผ่าตัดอาจเป็นการักษาในขั้นสุดท้าย สำหรับผู้ที่เป็นมานานและอาการสาหัส หรือในผู้ที่รักษาแบบไม่ผ่าตัดมานานแล้วแต่ก็ไม่หายสักที โดยแพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดโดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ยังต้องใช้งานไหล่มากหรือนักกีฬาที่ต้องใช้ไหล่ หรือผู้ป่วยอุบัติเหตุและมีภาวะเส้นเอ็นฉีกขาดร่วมด้วย

ปัจจุบันการผ่าตัดใช้วิธีส่องกล้องเย็บซ่อมเส้นเอ็นไหล่และ/หรือกรอหินปูน จะให้ผลการรักษาที่ค่อนข้างดีมาก ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดน้อย ผู้ป่วยสามารถเริ่มกายภาพหลังผ่าตัดได้อย่างรวดเร็วคือหลังผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการรักษาในผู้ที่ไม่ต้องการปล่อยให้เรื้อรัง ทั้งนี้ขึ้นอยุ่กับแพทย์และความต้องการของผู้ป่วยในการรักษาด้วย

กินของร้อนมากๆ เสี่ยงมะเร็งหลอดอาหารจริงหรือ?

มะเร็งหลอดอาหาร เกิดขึ้นได้อย่างไร?
โรคมะเร็ง เมื่อพูดถึงโรคนี้ เชื่อว่าหลายคงคงทราบกันว่าเกิดจากร่างกายเรามีความผิดปกติเกิดขึ้น สิ่งผิดปกติที่เกิดหรือเป็นขึ้นมาเอง โดยทั้งนี้ไม่ได้มีสาเหตุที่ชัดเจนเลยว่าเพราะอะไรถึงเป็นโรคมะเร็ง เพียงแต่พฤติกรรมบางอย่างของเรานั่นเองที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงหลายๆ อย่างในการเป็นมะเร็ง ดังนั้นจึงตอบคำถามของสาเหตุที่เป็นมะเร็งอย่างแน่ชัดไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ คือ สาเหตุมาได้จากหลากหลายปัจจัย

ปัจจัยที่เป็นสาเหตุให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งหลอดอาหาร

– ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่อย่างหนัก เป็นระยะเวลานาน

– บริโภคอาหารบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น อาหารที่มีสารไนโตรซามีน อย่างอาหารประเภทเนื้อ อาหารที่ใส่สารกันบูด อาหารประเภทย่าง หรือเครื่องปรุงรสอย่างพริก และพริกไทย

– เป็นผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนเรื้อรัง ทำให้เยื่อบุภายในหลอดอาหารเกิดอาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้เซลล์ผิดปกติจนเกิดเป็นมะเร็งได้

– ติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดในหลอดอาหาร

– เกิดการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุหลอดอาหารอย่างรุนแรง จากการกระทำ เช่น กลืนน้ำยาล้างห้องน้ำ กลืนน้ำกรด น้ำด่าง

– รับประทานอาหารที่มีผัก ผลไม้ และแร่ธาตุน้อย

– อยู่ในภาวะอ้วน

และสาเหตุอื่นๆ

อาการของมะเร็งหลอดเลือดอาหาร

1. เริ่มรู้สึกว่าเมื่อรับประทานอาหารที่มีลักษณะแข็งแล้วรู้สึกฝืดเคืองที่คอ กลืนไม่ค่อยได้ อาหารแข็ง เช่น ไก่ย่าง หมูทอด ผลไม้ต่างๆ

2. เริ่มมีความรู้สึกว่าเวลากลืนอาหารทำไมลำบาก กลืนได้ยากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารแข็ง หรือเหลว

3. อาจจะกลืนอะไรไม่ค่อยลง จนทำให้ต้องขย้อน หรืออาเจียนออกมา

4. ทานอะไรไม่ลง น้ำหนักเริ่มลด ร่างกายซูบผอม อ่อนเพลีย เพราะขาดอาหาร

5. อาจพบอาการข้างเคียงอาการแทรกซ้อนเพิ่มเติม เช่น ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ปวดหัว แน่นหน้าอก คลื่นไส้ ไอ หรือเจ็บบริเวณกระดูกหน้าอก หรือในลำคอ เป็นต้น

ดังนั้น ในการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ยังคงร้อนอยู่ อาจจะไม่ได้มีผลถึงกับทำให้เป็นโรคมะเร็งหลอดอาหารหรือหลอดอาหารเป็นแผล แต่หากอาหารร้อนมากเกินไป อาจส่งผลกระทบอวัยวะส่วนอื่นได้ โดยอาจทำให้เนื้อเยื่อบริเวณปากได้รับบาดเจ็บจนเป็นแผล เพราะฉะนั้น ทางที่ดีที่สุดก็ควรจะรับประทานอาหารที่มีความร้อนเหมาะสม ไม่ลวกปาก ลวกลิ้นจนพองกันบ่อยๆ ดีกว่าค่ะ

โรคโลหิตจางกับอาหารช่วยบรรเทา

โรคโลหิตจาง (anemia) เป็นโรคที่พบได้บ่อยมากในเพศหญิง และมีโอกาสในการเกิดอาการต่างๆ เช่น ความเหนื่อยล้า กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการปวดหัว ผิวหนังซีด และสูญเสียความทรงจำ ผู้คนจึงควรตระหนักถึงโรคโลหิตจางและอาการของมันอย่างจริงจัง และเพื่อรับมือกับอาการของโรคโลหิตจาง

โรคโลหิตจาง คืออะไร?
โรคโลหิตจาง เป็นอาการที่เลือดไม่สามารถผลิตฮีโมโกลบินหรือเซลล์เม็ดเลือดแดงได้อย่างเพียงพอ ฮีโมโกลบินเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์เม็ดเลือดแดง ที่มีหน้าที่ในการขนส่งออกซิเจน ดังนั้น หากคุณมีภาวะโลหิตจาง เซลล์และอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของเราจะไม่สามารถรับออกซิเจนได้เพียงพอ จะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย ผิวหนังซีด และหายใจไม่ออก

ประเภทของโรคโลหิตจาง

โรคโลหิตจางมีหลากหลายประเภท ได้แก่

  • โรคทางกรรมพันธุ์ เช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย (thalassemia) โรคโลหิตจางเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (sickle cell) โรคโลหิตจางชนิดร้ายแรง (pernicious anemia)
  • การดูดซึมผิดปกติ เช่น โรคโลหิตจางจากการขาดกรดโฟลิก (megaloblastic anemia) การขาดสารอาหาร เช่น ภาวะขาดวิตามิน ภาวะขาดธาตุเหล็ก

สมุนไพรสำหรับโรคโลหิตจาง

  • ผักกาดส้ม
    เพราะความสามารถอันยอดเยี่ยมในการเพิ่มระดับฮีโมโกลบินได้อย่างรวดเร็ว ผักกาดส้ม (Yellow Dock) จึงเป็นสมุนไพรที่ได้รับการแนะนำอย่างมากในการรักษาโรคโลหิตจาง ผักกาดส้มช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกักเก็บธาตุเหล็กของตับ จึงกลายเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคโลหิตจาง โดยทั่วไป สมุนไพรชนิดนี้จะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ จึงเป็นสมุนไพรที่ปลอดภัยมากๆ นอกจากนี้ ผักกาดส้มยังอุดมไปด้วยธาตุเหล็กจำนวนมาก คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของมันได้โดยการผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ อย่างเช่น ดอกโคลเวอร์แดง หรือดอกโบตั๋น

 

  • ถั่วอัลฟัลฟา
    ถั่วอัลฟัลฟา (Alfalfa) สามารถเพิ่มปริมาณเลือดของคุณ เพราะมีจำนวนของโฟโตเคมีคัล (photo-chemical) อยู่จำนวนมาก ถั่วอัลฟัลฟายังอุดมไปด้วยธาตุเหล็กจำนวนมาก ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ป่วยโลหิตจาง ผู้คนมักจะใช้ถั่วชนิดนี้ลงไปในแซนด์วิช สลัด หรือแม้กระทั่งใช้ทำอาหาร

 

  • มะขามป้อม
    มะขามป้อมเป็นแหล่งรวมวิตามิน ซี จำนวนมาก และเป็นที่ทราบกันดีว่า วิตามิน ซี มีบทบาทสำคัญมากต่อการดูดซึมธาตุเหล็กในเลือด คุณสามารถเพิ่มรสชาติของน้ำมะขามป้อมได้ด้วยการใส่น้ำผึ้งลงไป

 

  • แดนดิไลออน และรากโกโบ
    ผู้ที่ป่วยเป็นโรคโลหิตจางจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลหากนำแดนดิไลออน (Dandelion) และรากโกโบ (Burdock root) มาใช้ร่วมกัน ความสามารถที่ได้จากการผสมผสาน 2 สิ่งนี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร และเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดในการบรรเทาโรคโลหิตจาง โดยเฉพาะกับโรคโลหิตจางที่ขาดแคลนธาตุ B12 โรคโลหิตจางเนื่องจากขาดธาตุเหล็ก

โรคโลหิตจางโดยทั่วไปมีสาเหตุเกิดจากการขาดแคลนธาตุเหล็ก ธาตุเหล็กมีบทบาทสำคัญในการผลิตฮีโมโกลบิน ซึ่งสามารถพบได้ในเนื้อสัตว์ ตับ ผักใบเขียวเข้ม นอกเหนือจากการเพิ่มธาตุเหล็กลงไปในอาหาร คุณยังสามารถใช้สมุนไพรที่เป็นตัวสนับสนุนสำคัญในการจัดการกับโรคโลหิตจางเนื่องจากขาดธาตุเหล็ก พืชตระกูลส้มที่อุดมไปด้วย วิตามิน ซี ซึ่งจะช่วยในการพัฒนาการดูดซึมธาตุเหล็กได้มากขึ้น ในบรรดาพืชตระกูลส้ม น้ำมะนาวจัดว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุดในเรื่องนี้ ต้นเนตเทิล (nettle) นอกเหนือจะอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ยังอุดมไปด้วยวิตามิน เอ บี และเค วิตามินเหล่านี้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาระบบดูดซับธาตุเหล็กของร่างกายให้ดีขึ้น เนื่องด้วยรสชาติที่ดี บวกกับการอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก จึงทำให้อะโวคาโดกลายมาเป็นตัวเลือกที่ดีในการรักษาโรคโลหิตจาง