ปัญหาที่เรามักเจอหากมีการใช้สายตามากเกินไป

การใช้สายตามากเกินไปสามารถเป็นปัญหาต่าง ๆ ได้แก่:

  1. เหนื่อยตา: การใช้สายตานานเกินไปอาจทำให้ตาเหนื่อยและเมื่อเหนื่อยมากพออาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ตาแห้ง ตาพร่ามัว หรือปวดหัวได้
  2. ปัญหาสุขภาพจิต: การใช้สายตามากเกินไปอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของบุคคล เช่น การเป็นโรคสมาธิสั้น หรือโรคซึมเศร้า เนื่องจากการที่ต้องใช้สายตานาน ๆ อาจทำให้เกิดความเครียดหรือรู้สึกตึงเครียดได้
  3. ความผิดพลาด: การใช้สายตามากเกินไปอาจทำให้เกิดความผิดพลาดในการทำงานหรือการปฏิบัติต่าง ๆ เช่น การอ่านข้อมูลผิดพลาด เข้าใจผิด หรือทำงานผิดพลาดได้
  4. การสร้างพฤติกรรมที่ไม่ดี: การใช้สายตามากเกินไปอาจทำให้เกิดนิสัยที่ไม่ดี เช่น การเลิกงานที่สำคัญเพื่อทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้สายตา เป็นต้น

การรับรู้และการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้สายตามากเกินไปเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การใช้ช่วงเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ การใช้เทคนิคการทำงานที่เป็นมิตรต่อสายตา เป็นต้น และหากมีอาการผิดปกติบนตา เช่น ตาแห้งหรือตาเป็นแดง ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาให้ทันที เพื่อป้องกันปัญหาที่รุนแรงขึ้นในอนาคต

 

การถนอมสายตาเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสายตา ดังนั้นนี่คือวิธีการที่สามารถใช้เพื่อถนอมสายตา:

  1. พักผ่อนสายตา: หลีกเลี่ยงการใช้สายตาในระยะเวลานานๆ โดยควรพักผ่อนสายตาอย่างสม่ำเสมอ ใช้หลักการ 20-20-20 โดยทุก 20 นาทีให้หันหน้าไปที่สิ่งที่อยู่ห่างออกไปอย่างน้อย 20 ซม. และมองมันอย่างน้อย 20 วินาที
  2. รักษาสุขภาพทั่วไป: การรักษาสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตอย่างดีสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสายตา เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่เพียงพอ การนอนหลับที่เพียงพอ และการลดความเครียด
  3. การรักษาความชุ่มชื้นในตา: การใช้หย่อนตา (eye drops) เมื่อตาแห้ง และการใส่แว่นตากันแสง UV เมื่ออยู่ภายนอกสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ตาแห้ง ตาพร่ามัว หรือโรคเอนตรานอส เป็นต้น
  4. การรักษาความสะอาดของสายตา: การรักษาความสะอาดของแว่นตาหรือเลนส์ตาอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการติดเชื้อและการเกิดภาวะต้อกระจก (cataract) หรือการติดเชื้อในตา
  5. การตรวจตาอย่างสม่ำเสมอ: การตรวจตาอย่างสม่ำเสมอโดยแพทย์ตาสามารถช่วยตรวจสอบสุขภาพของสายตา และจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นในระยะเริ่มต้นได้ทันท่วงที

การถนอมสายตาเป็นการดูแลสุขภาพที่สำคัญไม่แค่เพื่อสุขภาพตาเท่านั้น แต่ยังส่งผลที่ดีต่อสุขภาพทั่วไปของร่างกายด้วย

 

ได้รับการสนับสนุนโดย      เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่

ดูแลตัวเองอย่างไรให้ปลอดภัยในหน้าฝน

การดูแลตัวเองให้ปลอดภัยในหน้าฝนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยและความชื้นที่เพิ่มขึ้นสามารถส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ทั่วไปของเราได้ การปฏิบัติตามข้อแนะนำต่อไปนี้จะช่วยให้คุณสามารถดูแลตัวเองและครอบครัวให้ปลอดภัยในช่วงฤดูฝนได้:

  1. รักษาความอบอุ่นของร่างกาย: ในหน้าฝนอากาศมักจะเย็นลง โดยเฉพาะช่วงกลางคืน การสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมจะช่วยรักษาความอบอุ่นของร่างกาย ควรเตรียมเสื้อกันฝนหรือร่มไว้เสมอเพื่อป้องกันการเปียกฝน เพราะการเปียกฝนอาจทำให้เกิดหวัดหรือโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ได้

 

  1. ดูแลความสะอาดและสุขอนามัย ฝนที่ตกหนักอาจทำให้น้ำขังและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก ควรตรวจสอบบริเวณรอบบ้านและกำจัดน้ำขัง เช่น ทำความสะอาดรางน้ำหรือภาชนะที่มีน้ำขัง และใช้ยากันยุงหรือทาครีมกันยุงเพื่อป้องกันไม่ให้ยุงกัด

 

  1. ป้องกันโรคน้ำกัดเท้า: การเดินลุยน้ำหรือสวมรองเท้าที่เปียกชื้นนาน ๆ อาจทำให้เกิดโรคน้ำกัดเท้า ควรรักษาความแห้งของเท้าโดยเปลี่ยนถุงเท้าและรองเท้าที่เปียกเป็นประจำ หากต้องเดินลุยน้ำควรสวมรองเท้าที่มีการระบายอากาศดีและทำความสะอาดเท้าหลังจากกลับถึงบ้าน

 

  1. ระวังโรคทางเดินอาหาร: น้ำฝนที่ตกหนักอาจทำให้ท่อน้ำทิ้งล้นและน้ำประปาเกิดการปนเปื้อน การดื่มน้ำที่ไม่สะอาดหรือรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขอนามัยอาจทำให้เกิดโรคทางเดินอาหาร ควรดื่มน้ำที่ผ่านการกรองหรือต้มสุก และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุกใหม่ ๆ

 

  1. ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัยบนท้องถนน: ในช่วงฝนตกถนนมักจะลื่นและการขับขี่รถยนต์หรือจักรยานยนต์จะมีความเสี่ยงสูง ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ลดความเร็ว และเปิดไฟหน้ารถเมื่อฝนตกหนักเพื่อให้ผู้ใช้ถนนคนอื่นสามารถมองเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ควรตรวจสอบสภาพยางรถยนต์และเบรกให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

 

  1. เตรียมพร้อมรับมือกับพายุและน้ำท่วม: ในบางพื้นที่ฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างฉับพลัน ควรติดตามข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเตรียมอุปกรณ์จำเป็น เช่น กระเป๋าอุปกรณ์ฉุกเฉินที่มีไฟฉาย แบตเตอรี่ น้ำดื่ม และอาหารแห้ง และหากจำเป็นต้องอพยพ ควรทำตามคำแนะนำของหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างเคร่งครัด

 

  1. รักษาสุขภาพจิต อากาศที่มืดครึ้มและฝนตกบ่อยครั้งอาจทำให้เกิดความเครียดหรือซึมเศร้า ควรหาเวลาทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกายในบ้าน การอ่านหนังสือ หรือการพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัวเพื่อรักษาสุขภาพจิตให้แข็งแรง

 

ตรวจสุขภาพ    โดยการปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถผ่านหน้าฝนไปได้อย่างปลอดภัยและมีสุขภาพดี

วิธีการเลือกซื้อผักสีเขียวมีวิธีการดูอย่างไร

 

สำหรับผักสีเขียวแล้วถือได้ว่าเป็นผักที่คนนิยมนำมารับประทานกันมากที่สุดเพราะมันมีประโยชน์มากซึ่งหลายคนก็ยังไม่มีวิธีการเลือกหรือยังเลือกไม่เป็นวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกผักสีเขียวให้น่าทานและให้คุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วนโดยมีวิธีเลือกง่ายง่ายดังนี้

 

1.วิธีการเลือกบรอกโคลี สามารถดูได้ดังนี้

สำหรับบรอกโคลีแล้วนั้นเราเชื่อว่าทุกคนก็ย่อมรู้จักกันเป็นอย่างดี เนื่องจากว่าบรอกโคลีเป็นอาหารที่นิยมนำมารับประทานกันมากที่สุด แถมยังให้คุณค่าทางโภชนาการได้ดีอีกด้วย การนำมาทานเป็นอาหารลดความอ้วนก็แสนจะดี หลายคนนั้นก็มักที่จะนำมาทานกันเป็นพิเศษ เนื่องจากวิตามินและคุณค่าอื่นๆ

ดังนั้นการเลือกจึงไม่ยากมากนัก โดยบรอกโคลีมีลักาณะที่ดูง่าย เพราะเป็นสีเขียวละเป็นพุ่มๆ เวลาที่เราจะเลือกก็ควรดูตรงดอกที่มีความแน่น ก้านของมันจะต้องมีสีเขียวสด ไม่ควรเลือกสีที่ไม่ดี ที่สำคัญน้ำหนักจะต้องดี จัดว่าอยู่ในบรอกโคลีที่สมบูรณ์แบบ

 

2.วิธีการเลือกแตงกวาสามารถดูได้ดีงนี้

แตงกวาถือว่าเป็นผักที่มีวิธีการเลือกที่ง่ายที่สุด เพราะเวลาที่เราเลือกงั้นเราจะดูตรงตัวของแตงกวาว่ามันสีเขียวสดหรือไม่และเนื้อของแต่งกว่านั้นจะต้องเต่งตึง ไม่ควรเลือกแต่งกว่าที่มีความเหี่ยวหรือว่ามีสีที่เปลี่ยนไป ลักษณะของแตงกวาจะต้องเรียว และมีความอวบอ้วนนั่นจึงทำให้แตงกวากรอบและสดเหมาะสำหรับการนำมารับประทาน

 

3.วิธีการเลือกซื้อผักบุ้ง

โดยวิธีการเลือกซื้อผักบุ้งก็ไม่ใช่วิธีที่จะยุ่งยากอะไรนะถ้าหากคุณยังไม่รู้ว่าจะซื้อผักบุ้งได้อย่างไรให้อ่านบทความที่เรานำเสนอนี้นั่นก็คือการเลือกซื้อผักบุ้งเราจะต้องดูที่ลำต้นของมันโดยมันจะต้องเป็นลำต้นที่สวยสดไม่หักงอแต่ว่าลำต้นของมันนั้นก็จะต้องไม่แข็งจนเกินไปที่สำคัญใบของมันจะต้องเป็นสีเขียวไม่ใช่สีเหลืองหรือแห้งเหี่ยว

4.วิธีการเลือกซื้อกะหล่ำปลีให้สดน่ากินมีดังนี้

กะหล่ำปลีที่ทุกคนมักจะนำมารับประทานอาหารโดยใช้การปรุงรสต่างๆทำให้กระหล่ำปีนั้นเป็นอาหารที่ออกมาแล้วอร่อยวิธีการเลือกซื้อก็แสนจะง่ายโดยเราดูที่น้ำหนักของมันกะหล่ำปีที่ดีจะต้องมีน้ำหนักที่ไม่หนักจนเกินไปและก็ไม่เบาจนเกินไปดูที่มันกลางกลางตรงหัวจะมีสีเขียวที่ลายด้านนอกของใบนั้นจะแบ่งเป็นสองประเภทด้วยกัน

โดยเป็นแบบหัวกรมแล้วก็แบบรูปหัวใจ ซึ่ง    ปัญหาการได้ยิน     ถ้าถามเราแล้วว่าอันไหนมันอร่อยกว่ากันเราก็บอกได้ว่าขึ้นอยู่กับคนทานแต่แน่นอนว่ามันจะต้องมีราคาที่สูงกว่ากันอย่างแน่นอนดังนั้นถ้าหากคุณชื่นชอบกะหล่ำปลีแบบไหนก็สามารถเลือกตามวิธีที่เราแนะนำนี้ไปได้เลยรับรองได้ว่าไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไหนก็สดใหม่แน่นอน

วิธีการป้องกันหนูกัดสายไฟในรถยนต์ 

หลายคนอาจจะเกิดความสงสัยว่าทำไมคนเรามักจะเจอปัญหาหนูเข้าไปกัดสายไฟในรถยนต์ 

ซึ่งอันที่จริงแล้วสาเหตุสำคัญที่ทำให้หนูเข้าไปกัดสายไฟในรถยนต์นั่นก็เพราะว่าโดยปกติแล้วถ้าหากว่าบ้านไหนมีรถยนต์แล้วไม่ได้มีการใช้งานมีการจอดรถยนต์ทิ้งเอาไว้บริเวณด้านหน้าของฝากระโปรงรถของรถยนต์นั้นจะกลายมาเป็นที่อาศัยของหนูในทันที

และเนื่องจากหนูมันมีพฤติกรรมชอบกัดไปทั่วถึงแม้ว่าสิ่งของที่มันกัดนั้นจะกินไม่ได้ก็ตามทำให้เมื่อมันเจอสายไฟก็มักจะมีการกัดสายไฟของเรา ได้

ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีการป้องกันไม่ให้หนูกัดสายไฟในรถยนต์ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ยุ่งยากและสามารถทำได้ง่ายๆ

โดยอันดับแรกนั้นเราจะต้องมีการทำความสะอาดบริเวณโรงจอดรถของเราถ้าหากว่าโรงจอดรถของเรามีข้าวของวางระเกะระกะมีขยะวางไว้มากมายแน่นอนว่ามันสามารถดึงดูดใจให้หนูมาอาศัยอยู่ได้และเมื่อมันเจอสภาพแวดล้อมที่มันเหมาะกับการอยู่อาศัย 

เพราะมันมีที่ซ่อนตัวได้เยอะมันก็จะอาศัยอยู่ทันทีและนอกจากนี้มันยังจะใช้บริเวณลานจอดรถของเรากลายเป็นที่เพาะพันธุ์ของมันอีกด้วยดังนั้นถ้าหากว่าโรงจอดรถของเราสะอาดเป็นระเบียบโล่งมันก็จะไม่มีที่หลบซ่อนและไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ดังนั้นมันก็จะไม่มีหนูเข้าไปกัดสายไฟนั่นเอง

นอกจากนี้    เพิ่มคุณภาพชีวิตและการได้ยินที่ดีขึ้น     ถ้าหากว่าใครที่จอดรถเอาไว้เป็นระยะเวลานานๆก็จะทำให้หนูมีโอกาสเข้าไปกัดสายไฟได้แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณมีการใช้รถอยู่ตลอดเวลาใช้อยู่บ่อยๆเป็นประจำทุกวัน

มันจะทำให้เครื่องยนต์นั้นทำงานและมีความร้อนซึ่งหนูมันจะไม่สามารถอยู่ได้ดังนั้นถ้าเราใช้รถบ่อยๆเป็นประจำรับรองว่าหนูก็ไม่สามารถเข้าไปกัดสายไฟของเราได้เช่นเดียวกัน 

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้หนูไม่มาที่บริเวณลานจอดรถของเราและไม่กัดสายไฟของเรานั่นก็คือความสว่างเพราะหนูมันจะชอบอยู่ในมุมมืดดังนั้นถ้าหากว่าลานจอดรถของเราเป็นพื้นที่โล่งและยังมีแสงสว่างส่องถึงมันก็ไม่สามารถที่จะมาซ่อนตัวอยู่ภายในโรงจอดรถของเราและไม่สามารถที่จะเข้าไปตามซอกมุมต่างๆในรถของเรา

เพื่อเข้าไปกัดสายไฟของเราได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางคืนโรงจอดรถก็ควรที่จะมีการเปิดไฟทิ้งไว้ เพราะนอกจากจะป้องกันหนูได้แล้วยังป้องกันโจรขโมย ไม่ให้เข้ามาขโมยทรัพย์สินในบ้านของเราได้อีกด้วย 

ไข้หวัดธรรมดา กับไข้หวัดใหญ่ต่างกันอย่างไร

สำหรับเรื่องโรคภัยไข้เจ็บนั้น เป็นเรื่องยากมากที่คนเราจะไม่ป่วยเลย ต่อให้ร่างกายแข็งแรงแค่ไหนก็ตาม และโรคที่เรามักจะเห็นผู้คนป่วยป่วยมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคนประเทศไหนก็ตามนั่นก็คือ โรคไข้หวัด ซึ่งปัจจุบัน โรคไข้หวัดนั้นมีมากมายหลายสายพันธ์ด้วยกัน ซึ่งในบทความนี้เราจะมาเปรียบเทียบโรคไข้หวัดจำนวน 2 สายพันธุ์นั่นก็คือ ไข้หวัดธรรมดา กับไข้หวัดใหญ่ ซึ่งทั้งสองโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ มาดูกันว่า 2 โรคนี้มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

ไข้หวัดธรรมดาและไข้หวัดใหญ่ (หรือไข้หวัดพื้นที่) คือสองโรคที่มีลักษณะคล้ายกัน แต่มีความแตกต่างกันเล็กน้อยในบางด้าน:

  1. เชื้อสาเหตุ: ทั้งคู่เป็นโรคที่เกิดจากไวรัส แต่เชื้อของไข้หวัดธรรมดาส่วนใหญ่จะเป็นไวรัสชนิด Influenza A หรือ Influenza B ในขณะที่ไข้หวัดใหญ่มักจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตะไคร่เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจชั้นบน (Upper respiratory tract) เช่น ไวรัส Corona ตัวใหญ่ที่สร้างโรค COVID-19
  2. อาการ: ทั้งคู่มีอาการเหมือนกันอย่างมีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ อาการหูอักเสบ คอเจ็บ ความอ่อนแอ หรือไอ แต่ไข้หวัดใหญ่อาจมีอาการรุนแรงกว่า และมักเกิดภายหลังจากช่วงฟิลด์ของโรค 2-14 วัน
  3. ระยะเวลาของโรค: ไข้หวัดธรรมดามักมีระยะเวลาฟื้นตัวที่สั้นกว่า โดยมักจะฟื้นตัวภายใน 1-2 สัปดาห์ ในขณะที่ไข้หวัดใหญ่อาจใช้เวลานานขึ้นและอาจมีผลกระทบรุนแรงต่อระบบทรวงอก
  4. การรักษา: การรักษาไข้หวัดธรรมดามักจะเน้นทานยาลดไข้ นอกจากนี้ยังสามารถให้วัคซีนป้องกันได้ ในขณะที่ไข้หวัดใหญ่อาจต้องมีการรักษาในโรงพยาบาลและการให้ยาต้านไวรัสเฉพาะที่
  5. การระบาด: ไข้หวัดธรรมดามักจะเป็นการระบาดทั่วไปในช่วงฤดูหนาว ในขณะที่ไข้หวัดใหญ่อาจเกิดจากการระบาดของไวรัสในพื้นที่หรือกลุ่มบุคคลเฉพาะ และมักมีผลกระทบรุนแรงกับสุขภาพสาธารณะ

โรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่มักจะมีการระบาดในช่วงฤดูหนาวของปี แต่การมีการระบาดมากที่สุดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพอากาศ พฤติกรรมการเดินทาง และการมีชุมชนที่คนสะสมอยู่เป็นต้น ในส่วนของไข้หวัดใหญ่ (Influenza) มักมีการระบาดมากในช่วงฤดูหนาวในภาคเหนือของโลก แต่ในภูมิภาคอื่น ๆ

อาจมีการระบาดตลอดปี ระดับการระบาดของโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่มีความแปรปรวนและมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อมและสุขภาพทั่วไปของประชากรในแต่ละช่วงเวลา

 

อย่างไรก็ตาม    คาสิโนเวียดนาม     ถึงแม้ว่าการป่วยเป็นโรคไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่นั้น อาการไม่รุนแรงจนถึงขนาดที่ทำให้เสียชีวิตได้ แต่ทางที่ดีที่สุดเราควรดูแลร่างกายของเราให้แข็งแรง จะได้ไม่ต้องเจ็บป่วยได้ง่ายจะเป็นการดีที่สุด

หน้าเหี่ยว มีริ้วรอย เกิดจากสาเหตุอะไร 

ปัญหาสุขภาพใบหน้าที่เห*่ยวโดยปกติแล้วจะต้องเป็นคนที่มีอายุสูงหรือเข้าสู่วัยชราซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ควรจะต้องมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปแต่ในปัจจุบันนั้นบางคนถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึง 60 แต่ก็มีสภาพใบหน้าที่มีผิวพรรณเหี่ยวเฉาผิวเหี่ยวย่นกันแล้วซึ่งเราเรียกว่าเป็นผิวที่แก่ก่อนวัยอันควร

แน่นอนว่าทำให้สาวๆที่มีผิวพรรณไม่ผ่องใสหรือเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควรนั้นต้องรู้สึกไม่พอใจและเป็นกังวลใจกันเป็นอย่างมากเพราะถ้าหากว่าไปเจอเพื่อนๆที่อยู่ในวัยเดียวกันแล้วเมื่อเปรียบเทียบสภาพผิวของเรากับเพื่อนแล้ว

ซึ่งดูแล้วเหมือนเราจะมีอายุมากกว่าเพื่อนทั้งที่มีอายุเท่ากันแต่ต่างกันตรงที่ผิวพรรณนั้นก็อาจจะทำให้เรานั้นขาดความมั่นใจก็เป็นไปได้ ดังนั้นเราจะมาพูดถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดใบหน้าเห*่ยวเฉาหรือริ้วรอยกันว่ามันเกิดขึ้นมาได้จากสาเหตุอะไร 

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ผิวของคนเรานั้นมีริ้วรอยหรือใบหน้าเห*่ยวย่นได้ง่ายก็มีสาเหตุหลักๆมาจาก 4 สาเหตุใหญ่ด้วยกันดังต่อไปนี้ซึ่งก็คือ

  • อายุ 

 อย่างที่เรารู้กันดีว่ายิ่งอายุมากยิ่งขึ้นคอลลาเจนในผิวก็จะลดน้อยลง  และร่างกายก็จะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงดังนั้นเมื่อคอลลาเจนผลิตได้น้อยและยังหายไปเรื่อยๆคุณภาพของผิวที่เคยเปล่งปลั่งสดใสก็จะแย่ลงตามไปด้วยเพราะผิวของคนเรานั้นสวยสดใสได้มาจากคอลลาเจน 

ดังนั้นเมื่อไม่มีคอลลาเจนมาเป็นตัวช่วยก็จะทำให้ผิวของเรานั้นเห*่ยวย่นและผิวไม่กระชับมีริ้วรอยเกิดขึ้นซึ่งโดยปกติแล้วยิ่งคนอายุมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตัวคอลลาเจนก็ลดลงเรื่อยๆด้วยเช่นเดียวกันดังนั้นทางที่ดีเราควรจะต้องมีการพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนขึ้นมาและที่สำคัญสำหรับคนที่อายุมากนั้นควรจะมีการกินอาหารเสริมซึ่งเป็นพวกคอลลาเจนเสริมให้กับร่างกายของเราด้วย 

  • สภาพแวดล้อมและแสงแดด 

อย่างที่เรารู้กันดีว่าถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนที่อายุยังไม่สูงมากนักแต่ถ้าเราต้องเจอกับสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษทางอากาศและมีแสงแดดแรงๆเมื่อร่างกายได้รับแสงแดดและมลพิษอยู่สม่ำเสมอก็จะทำให้สภาพผิวของเรานั้นเสื่อมโทรมได้และที่สำคัญก็จะทำให้เกิดริ้วรอยและจุดด่างดำตามร่างกายซึ่งสิ่งที่ทำให้ผิวของเรานั้นไม่ชุ่มฉ่ำผิวแห้งง่ายก็เป็นผลพวงมาจากรังสี UV ที่มาจากแสงแดดนั่นเอง

ดังนั้นถ้าหากว่าเราไม่อยากจะผิวคล้ำหรือเห*่ยวมีริ้วรอยก็ควรจะต้องมีการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ต้องออกไปเจอกับแสงแดดหรือหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรจะต้องมีการใช้ครีมกันแดดและใส่เสื้อแขนยาวเพื่อไม่ให้แดดส่องถึงผิว 

  • ดื่มน้ำน้อย 

การดื่มน้ำเป็นอีก 1 ปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวพรรณของเราเปล่งปลั่งจะเห็นได้ว่าโดยปกติแล้วร่างกายของคนเราต้องการน้ำในปริมาณอยู่ที่ประมาณ 2-3 ลิตรแต่ถ้าหากใครก็ตามที่ดื่มน้ำน้อยกว่านี้ก็จะทำให้ผิวของเราขาดน้ำแล้วผิวพรรณก็จะไม่สดใสแต่ถ้าเราดื่มน้ำเยอะๆอยู่ที่ประมาณ 3 -4ริดบอกได้โดยรอบผิวพรรณของคุณจะสดใสอ่อนเยาว์อย่างแน่นอน 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ทัวร์คาสิโนเวียดนาม

ความทุกข์ที่เกิดจากการช้อปปิ้ง

สำหรับใครที่ชื่นชอบการ Shopping แล้วอาจจะมองว่าการช้อปปิ้งนั้นจะส่งผลทำให้เรามีแต่ความสุขและช่วยทำให้เราคลายเครียดได้

ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่เมื่อมีอาการเครียดหรือวิตกกังวลจึงมักจะหลีกเลี่ยงความเครียดด้วยการออกไปข้างนอกและไปทำการ Shopping เพื่อให้จิตใจนั้นเบิกบาน  แต่อันที่จริงคุณรู้หรือไม่ว่าการช้อปปิ้งนั้นมันจะส่งผลทำให้คุณมีความสุขแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น

หรืออาจกล่าวได้ว่าในช่วงที่คุณช้อปปิ้งในช่วงแรกๆจิตใจของคุณจะเบิกบานและมีความสุขเป็นอย่างมากแต่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งคุณจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าผลที่ตามมาจากการช้อปปิ้งนั้นจะทำให้เกิดคุณความทุกข์ได้เช่นเดียวกัน

สำหรับปัญหาที่ตามมาที่เกิดขึ้นหลังจากที่เราช้อปปิ้งเสร็จเรียบร้อยแล้วนั่นก็คือเราจะรู้สึกเป็นทุกข์ว่าเรามีการใช้เงินออกไปอย่างฟุ่มเฟือย

เพราะในช่วงเวลาที่เรามีการช้อปปิ้งนั้นเราจะไม่ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งของที่เราจะซื้อมากนักเรียกได้ว่าบางคนอาจจะซื้อของด้วยอารมณ์ชั่ววูบเพียงเพราะความเหงาหรืออยากได้แต่ไม่ได้มีการพิจารณาว่าสิ่งของที่เราจะซื้อนั้นมีมูลค่ามากแค่ไหนและมีความจำเป็นที่จะต้องใช้สินค้านั้นหรือไม่  

โดยส่วนใหญ่แล้วเวลาที่เราซื้อสินค้าในช่วงที่เราอารมณ์ไม่ดีหรือมีความเครียดนั้นเรามักจะมีการซื้อโดยที่เราไม่ได้มีการตัดรองให้อย่างรอบคอบ

ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าในช่วงที่เราซื้อสินค้านั้นเรากำลังอยู่ในช่วงที่ขาดสติเป็นอย่างมากดังนั้นถ้าหากว่าหมดช่วงเวลาในการช้อปปิ้งช่วงเวลาแห่งความสุขหรือสารแห่งความสุขหมดไปแล้วเราจะเริ่มนับพิจารณาถึงปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นนั่นก็คือเงินในกระเป๋าของเราร่อยหรอลงไป

ถ้าหากใครบางคนที่มีปัญหาเรื่องของเงินไม่พอใช้ในแต่ละเดือนหรือมีงบในการใช้จ่ายแบบเดินชนเดือนถ้าเกิดไปเจอกับสภาวะการช้อปปิ้งแบบฟุ่มเฟือยก็จะทำให้เงินไม่พอใช้ได้และสิ่งที่ตามมานั่นก็คือการที่จะต้องไปหายืมเพื่อนหรือไปทำบัตรเครดิตเพื่อจะนำเงินมาใช้จ่ายให้ครบจนถึงสิ้นเดือนและนำมาซึ่งปัญหาของการเป็นหนี้เป็นสินนั่นเอง 

ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังมีแนวความคิดว่าอยู่ในสภาวะที่เกิดความเครียดและเหงาและอยากจะบำบัดจิตใจของตนเองด้วยการออกไป shopping

ก็ควรที่จะต้องดูเงินในกระเป๋าของตนเองซะก่อนว่ามีกำลังมากพอที่เราจะสามารถ Shopping แบบฟุ่มเฟือยโดยไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังหรือไม่ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นภาระเป็นหนี้เป็นสิน และอาจจะทำให้เรารู้สึกผิดและมีความเครียดมากขึ้นกว่าเดิมก็เป็นไปได้ 

 

สนับสนุนโดย     เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่

ความสัมพันธ์ที่ดีล้วนอยู่ในครอบครัว

ผลการศึกษาที่ใช้เวลานานหลายทศวรรษพบว่าผู้ชายที่เติบโตมาในครอบครัวใกล้ชิดมีความผูกพันที่แน่นแฟ้นมากขึ้นในวัยชรา สิ่งต่างๆ มากมายสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงชีวิต เช่น การเปลี่ยนแปลงอาชีพ การแต่งงาน การหย่าร้าง การเกิด การตาย ไม่ต้องพูดถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในระหว่างนั้น แต่วัยเด็กเป็นการวางรากฐานที่สำคัญที่สามารถคงอยู่ไปตลอดชีวิต

การศึกษาระยะยาวที่ตีพิมพ์ในวารสาร Psychological Science ในเดือนกันยายน 2016 พบว่าผู้ชายที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมครอบครัวที่อบอุ่นและเอาใจใส่มากกว่าจะมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเมื่อเป็นผู้ใหญ่ การวิจัยนี้เป็นการต่อยอดจากการศึกษาการพัฒนาผู้ใหญ่ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

ซึ่งเป็นการศึกษาระยะยาวเกี่ยวกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใหญ่ที่มีระยะเวลาเกือบแปดทศวรรษ ในช่วงเริ่มแรกในปี 1938

นักวิจัยได้รับสมัครนักศึกษาชายจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและวัยรุ่นในเมืองบอสตัน และใช้การสัมภาษณ์ที่ยาวนานเพื่อประเมินคุณภาพของสภาพแวดล้อมครอบครัวของเด็กชาย จากนั้นนักวิจัยหลายๆ คนก็ติดตามชายวัยกลางคนเพื่อประเมินว่าพวกเขาสามารถจัดการกับอารมณ์ด้านลบได้สำเร็จเพียงใด

ในการศึกษาล่าสุด ผู้ร่วมเขียน Robert Waldinger จิตแพทย์จาก Harvard Medical School และ Marc Schulz นักจิตวิทยาที่ Bryn Mawr College ได้ทำการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ชายซึ่งขณะนี้อายุ 80 ปีแล้ว เพื่อกำหนดระดับความผูกพันของพวกเขา ให้กับหุ้นส่วนของพวกเขา

Waldinger และ Schulz พิจารณาว่าไม่ว่าสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมจะเป็นอย่างไร ผู้ชายที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นของครอบครัวก็ใช้กลยุทธ์ที่ดีต่อสุขภาพในการจัดการอารมณ์เชิงลบในวัยกลางคน

และยังผูกพันกับคู่รักในช่วงปลายชีวิตอย่างปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย ผลลัพธ์เหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมในวัยเด็กของเราส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของเราไม่เพียงแต่ในวัยผู้ใหญ่ตอนต้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อชีวิตที่เหลือของเราด้วย

Chris Fraley นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ Urbana-Champaign ซึ่งศึกษาเรื่องความผูกพันแต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการศึกษาครั้งนี้

ชี้ให้เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นได้มากมายระหว่างวัยเด็กและวัยชรา ตั้งแต่ความยากลำบากทางการเงิน การเจ็บป่วย ไปจนถึงการหย่าร้าง “ความจริงที่ว่าผู้เขียนพบว่ามีความเกี่ยวข้องกันนั้นน่าทึ่ง” เขากล่าว “และทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับปัจจัยที่อธิบายว่าทำไมจึงมีอยู่” สำหรับชูลซ์ การค้นพบนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการบริการต่างๆ เช่น การลาเพื่อครอบครัว

เพื่อช่วยเหลือผู้ปกครองและช่วยให้พวกเขาสร้างสภาพแวดล้อมในครอบครัวที่ดีขึ้น นอกจากนี้เขายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการบริการสังคมที่ดีซึ่งอาจเข้ามาแทรกแซงเมื่อเด็กๆ

ต้องตกอยู่ในสภาพแวดล้อมครอบครัวที่ยากจนหรือไม่ปลอดภัย “ฉันคิดว่า [ข้อความ] ที่อยากกลับบ้านก็คือเด็กๆ อาจจำเหตุการณ์บางอย่างไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ของชีวิต” ชูลซ์กล่าว “แต่การสะสมสภาพแวดล้อมของครอบครัวด้วยความรักและการดูแลเอาใจใส่นั้นส่งผลกระทบในระยะยาวจริงๆ”

วาลดิงเงอร์และชูลซ์ยังเน้นย้ำว่ามีหลายวิธีที่จะเอาชนะการมีวัยเด็กที่ไม่ค่อยเงียบสงบ เช่น การทำงานอย่างแข็งขันในการพัฒนาความสัมพันธ์ที่อบอุ่นและมั่นคงมากขึ้นเมื่อเป็นผู้ใหญ่ หรือการเรียนรู้วิธีใช้กลยุทธ์ที่ดีต่อสุขภาพเพื่อจัดการกับอารมณ์เชิงลบ “สิ่งสำคัญที่สุด” วัลดิงเงอร์กล่าว “ก็คือวิธีที่เราดูแลเด็กๆ มีความสำคัญอย่างยิ่ง”

 

สนับสนุนโดย      Hoiana

แก้ไขปัญหาดาดฟ้าน้ำขังน้ำรั่วซึม

ถ้าหากตอนเริ่ม การก่อสร้างตึกมิได้มาตรฐาน หรือปรับพื้นมิได้ระดับ ซึ่งอาจจะมีการเกิดจากการประกอบแบบ การวางเหล็กเสริม หรือการผสมคอนกรีตเหลวเหลือเกิน จนถึงก่อให้เกิดปัญหาน้ำนองตามมา ถ้าเกิดไม่อยากที่จะให้น้ำนองทำให้เกิดผลกระทบแย่ลงกว่าเดิมเปลี่ยนเป็นปัญหาน้ำรั่วซึม ควรจะรีบขจัดปัญหาน้ำนองด้วยตัวเองอย่างเร็วที่สุด

ในพื้นฐานพวกเราสามารถปรับปรุงพื้นที่น้ำนองบนดาดฟ้าได้แบบไม่ต้องพึ่งพาอาศัยช่างซ่อม เพียงตระเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือ ตัวอย่างเช่น สิ่ว น้ำยาผสาน ปูนปรับระดับ เกรียง กระสอบ แล้วก็ผ้าพลาสติก

ต่อจากนั้นคอยวันที่ฝนตกแล้วก็รอเวลาให้ฝนหยุดราวๆ 2 ชั่วโมง พวกเราก็เลยขึ้นไปตรวจแอ่งน้ำขังบนดาดฟ้า พร้อมนำปากกาเคมีเขียนทำร่องรอยให้ห่างจากขอบของแอ่งน้ำราว 5 ซม. เพื่อระบุขอบเขตการบูรณะ

เมื่อได้พื้นที่สำหรับปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซมที่แจ่มกระจ่างแล้ว ให้ใช้สิ่วสกัดปูนในกรอบสี่เหลี่ยมที่ได้ทำร่องรอยแอ่งน้ำขังไว้ โดยสกัดให้ลึกราวๆ 1 ซม. ล้างปูนออกให้สะอาดรวมทั้งเพิ่มน้ำนองในรอยทิ้งเอาไว้ราว 1 ชั่วโมง เพื่อแห้งสนิท ก่อนที่จะใช้น้ำยาผสานทาลงในรอบๆพื้นปูนที่ได้รับการสกัดออก

 

จากนั้น ก็เลยเริ่มผสมปูนปรับระดับตามอัตราส่วนที่เจาะจงไว้ข้างถุง ซึ่งปูนดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นได้รับการออกแบบสำหรับในการปรับระดับพื้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยสารเคมีพิเศษเสริมความสามารถในเนื้อปูน โดยนำปูนที่ผสมเป็นระเบียบแล้วก็ให้เทลงในรอยที่สกัดไว้ให้เต็มรวมทั้งใช้เกรียงเฉือนปรับระดับให้เอียงน้อย เพื่อน้ำได้รับการระบายไปยังท่อเพื่อระบายน้ำ

ในที่สุดให้นำกระสอบชุบน้ำหุ้มปิดทับ แล้วก็ผ้าพลาสติกปิดทับอีกที ทิ้งเอาไว้ราวๆ 1 วันก็เลยนำกระสอบชุบน้ำและก็ผ้าพลาสติกออก

– ไขปัญหาหลังคาดาดฟ้ารั่ว เว้นเสียแต่ปัญหาน้ำนองบนดาดฟ้าในฤดูฝน หลายบ้านยังจำเป็นต้องประสบเจอกับปัญหาหลังคาดาดฟ้ารั่ว ซึ่งกำเนิดได้จากหลายกรณี ดังเช่นว่า รอยร้าวรอบๆรอยต่อของส่วนประกอบ ระบบกันซึมเสื่อมภาวะ การตำหนิดวางกับพื้นคอนกรีตมิได้มาตรฐาน หรือแดดทำลายเนื้อคอนกรีต

สำหรับในการจัดการกับปัญหาในพื้นฐาน ควรจะเริ่มจากการค้นหาตัวการการรั่วซึมที่เกิดขึ้นเพื่อการปรับแต่งให้ถูกจุด ตัวอย่างเช่น รอบๆรอยต่อองค์ประกอบ หรือรอยรั่วซึมกึ่งกลางตึก เพราะเหตุว่ามีวิธีการซ่อมบำรุงแตกต่าง

 

  1. รอยต่อองค์ประกอบตึก ถ้าหากรอยน้ำรั่วรอบๆมุมห้องหรือรอยต่อระหว่างฝาผนังและก็คานตอนท้องพื้น สามารถซ่อมได้ด้วยการใช้สิ่งของทากันซึมที่เหมาะสมกับผิว รวมทั้งจัดตั้งระบบกันซึมตามมาตรฐานที่พื้น ซึ่งควรจะลุกลามถึงฝาผนังราว 10 ซม. เพื่อคุ้มครองป้องกันการรั่วซึมระหว่างรอยต่อของส่วนประกอบตึก

 

  1. รอยรั่วซึมกึ่งกลางตึก เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากความลาดเอียงไม่เหมาะสม นำไปสู่น้ำรั่วซึมลงข้างล่าง เพราะฉะนั้นให้เริ่มจากการปรับระดับพื้นให้สามารถระบายน้ำได้ และยาลืมเพิ่มเติมน้ำยากันซึม

 

ในเรื่องที่เจอปัญหาผิดใจเสียหาย พวกเราควรจะปรับแต่งซ่อมบำรุงรอยร้าวก่อน แล้วหลังจากนั้นก็เลยเพิ่มระบบกันซึมให้พื้น อาทิเช่น แบบทาฉาบโพลียูรีเทนรวมทั้งอะคริลิกแบบแผ่นสำเร็จรูป

สำคัญที่สุดเป็น อย่านิ่งเฉยแล้วก็ผัดผ่อนสำหรับเพื่อการปรับปรุงแก้ไขปรับปรุงแก้ไขซ่อมแซมปัญหาดาดฟ้า ด้วยเหตุว่าเรื่องบนดาดฟ้าบางทีอาจมีผลขยายแย่ลงกว่าเดิมถึงที่บ้านอีกทั้งข้างหลังในอนาคต

 

สนับสนุนโดย    hoiana เวียดนาม

วิธีกำจัดตระไคร่ ให้แก่บ้านที่คุณรัก

วิธีกำจัดตระไคร่ เมื่อไปสู่หน้าฝนอย่างเต็มรูปแบบ ปัญหาที่ชอบตามมาก็คือเรื่องของตะไคร่ เนื่องจากว่าเพียงพอเข้าหน้าฝน มีฝนตกอยู่เสมอ นำมาซึ่งน้ำนอง แม้พวกเราไม่มีแนวทางจัดแจงอย่างแม่นยำก็จะเปลี่ยนเป็นตะไคร่สีเขียวที่ทำให้บ้านของพวกเราหมองไม่น่าดูเลย

เครื่องช่วยฟัง มีไว้ทำอะไร   เว้นแต่วิสัยทัศน์ที่จะทำให้บ้านของพวกเราหมองไม่น่ามองดูแล้วยังอาจทำให้เป็นอันตรายต่อคนที่อาศัยอยู่ภายในครอบครัวได้อีกด้วย โดยเหตุนี้ลองมอง แนวทางจะการกับตะไคร่พวกนี้ให้หมดไปก่อนจะเป็นอันตรายต่อผู้ที่พวกเรารัก

– แปรงลวดทองเหลือง

วิธีแบบนี้นับว่าเป็นอีกแนวทางที่กำจัดคราบตะไคร่ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้กระนั้นบางครั้งก็อาจจะจำต้องใช้เวลารวมทั้งกำลังกายสักนิด แต่ว่าก็ถือเป็นการบริหารร่างกายไปในตัว บางทีอาจเลือกใช้ไฮเตอร์ หรือน้ำยาล้างห้องน้ำก็ได้ แม้กระนั้นที่จำเป็นมากเลยซึ่งก็คือแปรงลวดทองเหลืองของพวกเรานั่นเองจะให้ดีควรจะมีที่จับแบบยาวด้วยนะ

โดยขั้นตอนก็คือเริ่มจากการราดน้ำยาลงบนพื้นทิ้งเอาไว้ครู่หนึ่งเพื่อน้ำยาทำปฏิกิริยากับตะไคร่ จากการนำแปรงนี้ไปขัดเบา ๆ  บางทีอาจใช้เวลาแล้วก็กำลังกายมากมายหน่อย แต่ว่ารับประกันได้เลยว่าออกแน่นอน

 

– กำจัดง่ายปราศจากสารเคมี

อีกหนึ่งแนวทางที่ดีกับการกำจัดตะไคร่ด้านในภาย ดังเช่นว่าครัว ห้องสุขา ก็เลยไม่สมควรเป็นอย่างมากที่จะใช้สินค้าที่มีสารเคมีแรง ๆ ด้วยเหตุว่าอาจจะก่อให้เกินพิษสะสมได้ ทดลองแนวทางปราศจากสารเคมีอย่างน้ำส้มสายชูผสมกับเกลือ ชุดด้วยผ้าขนหนูที่ไม่ใช้แล้วขัดบริเวณที่มีคราบตะไคร่ รับประกันว่าออกหมดเกลี้ยง

 

– เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงทุ่นเวลา

อีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยอดออมทั้งยังแรงและก็เวลา แต่ว่าบางทีก็อาจจะจะต้องลงทุนสักนิดสักหน่อยด้วยการซื้อเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง จุดเด่นของนั่นก็คือสามารถกำจัดได้หมดทั้งยังรอยเปื้อนตะไคร่ ดินโคลน ฝุ่นละออง เว้นแต่พื้นคอนกรีตหน้าบ้านแล้ว ที่กำแพงบ้านฝาผนัง บนหลังคาบ้าน หรือบนพื้นที่กว้าง ๆ เจ้าเครื่องนี้ก็เอาอยู่

 

– หลีกเลี่ยงความชุ่มชื้น

เนื่องจากว่าตะไคร่ชอบมาพร้อมกับน้ำแล้วก็ความชุ่มชื้น ด้วยเหตุนี้พวกเราจำเป็นต้องรอหมั่นดูแลบ้านของพวกเราอยู่เสมอไม่ให้เปียกชื้น เป็นต้นว่า ส้วม ครัว หรือที่จอดรถที่โดนน้ำตลอดฝนตลอด ถ้าเกิดฝนตกลงมาเมื่อฝนหยุดแล้วให้ใช้ที่เฉือนน้ำฝนที่ขังอยู่ออกมาจากพื้นหน้าบ้านของพวกเรา หรือในส้วมก็ตามข้างหลังอาบน้ำเสร็จก็รีดน้ำออกมาจากพื้นของห้องน้ำให้หมด เพื่อปกป้องการเกิดตะไคร่