โรคไข้เลือดออก (Dengue fever) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเด็งกี้ (Dengue virus) ซึ่งถือเป็นสาเหตุหลักของโรคนี้ ไวรัสเด็งกี้มีทั้งหมด 4 ชนิดคือ DENV-1, DENV-2, DENV-3, และ DENV-4 ซึ่งกระจายตัวผ่านยุงพาหะ โดยเฉพาะยุง Aedes aegypti และ Aedes albopictus ที่มักเจริญอยู่ในพื้นที่ร้อนเปียกชื้น โรคนี้สามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วในพื้นที่ที่มีการลามเป็นประจำในฤดูฝนหรือในพื้นที่ที่มีการปลูกผักควบคู่กัน
เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเป็นโรคไข้เลือดออก (Dengue fever) ได้มีหลายวิธีดังนี้
- กำจัดแหล่งนำเชื้อไวรัส: ลดการสะสมน้ำในบริเวณใกล้บ้าน เช่น ภาชนะเก็บน้ำที่เป็นที่อาศัยของยุง เช่น กระป๋อง, ถังน้ำฝนที่ไม่ปิดฝาอย่างสนิท
- ใช้ยากำจัดยุง: ใช้สารยาฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพ เช่น ดีเท็ตอล, ไซเปอร์เมทริน บนผิวหนังเพื่อป้องกันยุงที่เป็นพาหะของเชื้อไวรัสไข้เลือดออก
- ใส่เสื้อผ้าที่ปกคลุม: ใส่เสื้อผ้าที่ครอบตัวเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อป้องกันการถูกยุงกัด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยุงมักออกมากินอาหาร
- ใช้ที่กันยุง: ใช้ที่กันยุงที่มี DEET, IR3535, Picaridin หรือ Oil of Lemon Eucalyptus เพื่อป้องกันการกัดยุง
- ความสะอาดบริเวณที่อยู่อาศัย: ทำความสะอาดบริเวณในบ้านเพื่อลดที่อาศัยของยุง เช่น ทำความสะอาดอ่างเล็ก, ถังน้ำ, ประตูหรือหน้าต่างที่มีตะแกรงเป็นเวลา
- เข้มงวดเมื่อมีการลามกลุ่ม: หากมีการลามกลุ่มของโรคไข้เลือดออกในพื้นที่ ควรเข้าถึงเสื้อผ้าที่ปกคลุมและใช้ที่กันยุงอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับวิธีการสังเกตุว่าเราป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกหรือไม่นั้น เราสามารถทำได้โดยการสังเกตุอาการต่าง ๆ ต่อไปนี้:
- อาจมีไข้ที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยอาจมีไข้ขึ้นถึง 40°C หรือมากกว่า
- มักจะมีอาการปวดเมื่อยทั่วตัว ซึ่งอาจจะรุนแรงขึ้นทีละหน่อย
- มักจะมีอาการปวดศีรษะเป็นอย่างมาก
- อาจมีอาการที่ช่วยในการสังเกตุเช่น มีอาการมึนงง หรือเจ็บปวดในการเคลื่อนไหว
- บางครั้งอาจเกิดผื่นที่ผิวหนัง แต่ไม่ใช่อาการที่พบทุกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีอาการอื่น ๆ เช่น การเกิดเลือดออกจากเยื่อบุผิวหนังหรือเยื่อบุตา
โรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่ถูกถ่ายทอดผ่านยุง Aedes Aegypti ซึ่ง ผู้สูงอายุควรใช้เครื่องช่วยฟังแบบไหน เป็นแมลงพาหะ การรักษาโรคนี้มีหลายขั้นตอนที่สำคัญดังนี้:
- การรักษาโรคไข้เลือดออก มุ่งเน้นที่การบรรเทาอาการ โดยผู้ป่วยจะต้องพักผ่อนมากพอสมควร ดื่มน้ำเพียงพอ เพื่อป้องกันการขาดน้ำและช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดีขึ้น
- การควบคุมไข้: การใช้ยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol) ซึ่งเป็นยาที่ปลอดภัยในการรักษาไข้เลือดออก แต่ควรหลีกเลี่ยงใช้ยาต้านอักเสบเช่น อัลมาแฟต (Ibuprofen) หรืออะสไปริน (Aspirin) เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกได้มากขึ้น
- การดูแลสุขภาพ: สังเกตและระวังอาการผิดปกติ เช่น การเสียดทานหรือคลื่นไส้ การปวดท้อง และการหดตัวของผิวหนัง หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์
- การเฝ้าระวังอาการ: สำคัญที่สุดคือการเฝ้าระวังอาการที่แสดงถึงภาวะที่รุนแรงของโรคไข้เลือดออก เช่น ชักกระทิง แสดงอาการเหมือนได้รับบาดเจ็บจากเท้าครั้งเดียว