เลือกซื้อถุงมือที่ใช้ทำความสะอาดควรเลือกแบบไหน

 

ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะมองว่าถุงมือไม่ได้มีความสำคัญในการนำมาใช้เพื่อทำความสะอาดแต่อย่างใด แต่รู้หรือไม่ว่าการใช้ถุงมือป้องกันสารเคมีบางชนิดที่อาจจะติดมือคุณโดยไม่รู้ตัวได้ เพราะส่วนผสมของน้ำยาที่ใช้ทำความสะอาดบ้านมีทั้งดีทั้งไม่ดีดังนั้นการป้องกันไว้โดยการใส่ถุงมือหรือได้ว่าปลอดภัยมากกว่าที่เราไม่ใส่อะไรเลยเพื่อป้องกันมือของเรา

 

หูตึงรักษา ความสามารถของถึงมือก็เช่นกันที่มีความสามารถที่แตกต่างกันจึงต้องนำไปใช้แตกต่างกันโดยบางอย่างก็ไม่สามารถที่จะนำมาใช้ร่วมกันได้ เหตุเพราะวัสดุที่ใช้มีความแตกต่างกันความหนาบางที่แตกต่างกันบางอย่างควรใช้อย่างหนาการทำความสะอาดบางอย่างก็ควรใช้แบบบางเรื่องเรามาดูวิธีการเลือกซื้อถุงมือในการนำมาใช้ทำความสะอาดบ้านว่ามีวิธีการเลือกอย่างไร ถึงจะเหมาะสมกับการใช้งานในบ้านของคุณ

 

วิธีการเลือกถุงมือที่นำไปใช้ทำความสะอาดบ้านเลือกและนำไปใช้กับอะไรบ้าง

1.ถุงมือผ้า

ถุงมือแบบผ้าเป็นลักษณะที่คุณจะสวมใส่ได้รู้สึกดีและจะเข้ากับมือไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใดแต่การใช้งานของมันนั้นจะต้องเน้นไปทางการจับที่ถนัดอย่างเช่นการทำสวนเพราะว่าเวลาที่เราใช้หรือหยิบจับอะไร จะได้ทำมัดทำแมงไม่หลุดมือ ถุงมือผ้าส่วนใหญ่จะทำมาจากผ้าฝ้ายซึ่งแน่นอนว่ามันช่วยที่จะลดการสถิตของงานที่คุณหยิบจับได้เป็นอย่างดีและโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้กับงานหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับไฟฟ้าหรือโลหะนั่นเอง

 

2.ถุงมือพลาสติก

สำหรับถุงมือพลาสติกแล้วนิยมนำมาใช้ทำความสะอาดบ้านด้วยแม่บ้านส่วนใหญ่นั้นมักจะใช้เพราะมันมีลักษณะค่อนข้างที่จะเหนียวไม่เหมือนพลาสติกทั่วไปค่ะและที่สำคัญสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าสะดวกซื้อลักษณะของการใช้งานก็ไม่ได้ยุ่งยากแต่มันเหมาะสำหรับการทำงานบ้านทั่วไปไม่ควรนำไปทำสวนหรือทำเกี่ยวกับวัสดุไฟฟ้า ลักษณะของถุงมือพลาสติกสามารถย่อยได้ง่ายโดยคุณสามารถใช้แล้วทิ้งได้อีกอย่างมันไม่ควรนำไปใช้กับโลหะเพราะว่ามันเป็นการเกิดการไฟฟ้าสถิตซึ่งเป็นอันตรายต่อการใช้งานบางประเภทได้

 

3.ถุงมือยาง

กษณะของถุงมือยางจะมีอยู่สองแบบด้วยกันนั่นก็คือเป็นการใช้ที่นำมาสามารถใช้ซ้ำต่อได้และอีกแบบก็คือการใช้แล้วทิ้งไม่สามารถนำมาใช้ได้อีกครั้ง ซึ่งประเภทของถุงมือยางที่เรามักจะพบเจอโดยมีกลุ่มคนที่ต้องการใช้นั่นก็คือ

-ถุงมือยาง nbr เป็นถุงมือที่ใช้ในกลุ่มแพทย์ พยาบาล เกี่ยวกับการแพทย์ในโรงพยาบาล

-ถุงมือยาง nb เป็นถุงมือที่ ส่วนใหญ่นำไปใช้ทำความสะอาดเพราะมันลดการติดเชื้อจากการสัมผัสได้ ถุงมือชนิดนี้ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีกครั้ง ควรใช้แล้วทิ้ง

 

-ถุงมือ PVC หรือ ไวนิล เป็นถุงมือที่นำมาใช้ทั่วๆไปแต่ว่าสามารถนำมาใช้ต่อได้อีกครั้งแถมยังช่วยลดการเกิดไฟฟ้าสถิตดังนั้นจึงเป็นถุงมือที่เหมาะกับทุกคน และสามารถที่จะนำมาใช้ซ้ำได้อีกครั้ง

โรคไข้เลือดออก (Dengue fever) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเด็งกี้ (Dengue virus)

โรคไข้เลือดออก (Dengue fever) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเด็งกี้ (Dengue virus) ซึ่งถือเป็นสาเหตุหลักของโรคนี้ ไวรัสเด็งกี้มีทั้งหมด 4 ชนิดคือ DENV-1, DENV-2, DENV-3, และ DENV-4 ซึ่งกระจายตัวผ่านยุงพาหะ โดยเฉพาะยุง Aedes aegypti และ Aedes albopictus ที่มักเจริญอยู่ในพื้นที่ร้อนเปียกชื้น โรคนี้สามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วในพื้นที่ที่มีการลามเป็นประจำในฤดูฝนหรือในพื้นที่ที่มีการปลูกผักควบคู่กัน

เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเป็นโรคไข้เลือดออก (Dengue fever) ได้มีหลายวิธีดังนี้

  1. กำจัดแหล่งนำเชื้อไวรัส: ลดการสะสมน้ำในบริเวณใกล้บ้าน เช่น ภาชนะเก็บน้ำที่เป็นที่อาศัยของยุง เช่น กระป๋อง, ถังน้ำฝนที่ไม่ปิดฝาอย่างสนิท
  2. ใช้ยากำจัดยุง: ใช้สารยาฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพ เช่น ดีเท็ตอล, ไซเปอร์เมทริน บนผิวหนังเพื่อป้องกันยุงที่เป็นพาหะของเชื้อไวรัสไข้เลือดออก
  3. ใส่เสื้อผ้าที่ปกคลุม: ใส่เสื้อผ้าที่ครอบตัวเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อป้องกันการถูกยุงกัด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยุงมักออกมากินอาหาร
  4. ใช้ที่กันยุง: ใช้ที่กันยุงที่มี DEET, IR3535, Picaridin หรือ Oil of Lemon Eucalyptus เพื่อป้องกันการกัดยุง
  5. ความสะอาดบริเวณที่อยู่อาศัย: ทำความสะอาดบริเวณในบ้านเพื่อลดที่อาศัยของยุง เช่น ทำความสะอาดอ่างเล็ก, ถังน้ำ, ประตูหรือหน้าต่างที่มีตะแกรงเป็นเวลา
  6. เข้มงวดเมื่อมีการลามกลุ่ม: หากมีการลามกลุ่มของโรคไข้เลือดออกในพื้นที่ ควรเข้าถึงเสื้อผ้าที่ปกคลุมและใช้ที่กันยุงอย่างสม่ำเสมอ

 

สำหรับวิธีการสังเกตุว่าเราป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกหรือไม่นั้น เราสามารถทำได้โดยการสังเกตุอาการต่าง ๆ ต่อไปนี้:

  1. อาจมีไข้ที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยอาจมีไข้ขึ้นถึง 40°C หรือมากกว่า
  2. มักจะมีอาการปวดเมื่อยทั่วตัว ซึ่งอาจจะรุนแรงขึ้นทีละหน่อย
  3. มักจะมีอาการปวดศีรษะเป็นอย่างมาก
  4. อาจมีอาการที่ช่วยในการสังเกตุเช่น มีอาการมึนงง หรือเจ็บปวดในการเคลื่อนไหว
  5. บางครั้งอาจเกิดผื่นที่ผิวหนัง แต่ไม่ใช่อาการที่พบทุกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีอาการอื่น ๆ เช่น การเกิดเลือดออกจากเยื่อบุผิวหนังหรือเยื่อบุตา 

 

โรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่ถูกถ่ายทอดผ่านยุง Aedes Aegypti ซึ่ง  ผู้สูงอายุควรใช้เครื่องช่วยฟังแบบไหน    เป็นแมลงพาหะ การรักษาโรคนี้มีหลายขั้นตอนที่สำคัญดังนี้:

  1. การรักษาโรคไข้เลือดออก มุ่งเน้นที่การบรรเทาอาการ โดยผู้ป่วยจะต้องพักผ่อนมากพอสมควร ดื่มน้ำเพียงพอ เพื่อป้องกันการขาดน้ำและช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดีขึ้น
  2. การควบคุมไข้: การใช้ยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol) ซึ่งเป็นยาที่ปลอดภัยในการรักษาไข้เลือดออก แต่ควรหลีกเลี่ยงใช้ยาต้านอักเสบเช่น อัลมาแฟต (Ibuprofen) หรืออะสไปริน (Aspirin) เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกได้มากขึ้น
  3. การดูแลสุขภาพ: สังเกตและระวังอาการผิดปกติ เช่น การเสียดทานหรือคลื่นไส้ การปวดท้อง และการหดตัวของผิวหนัง หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์
  4. การเฝ้าระวังอาการ: สำคัญที่สุดคือการเฝ้าระวังอาการที่แสดงถึงภาวะที่รุนแรงของโรคไข้เลือดออก เช่น ชักกระทิง แสดงอาการเหมือนได้รับบาดเจ็บจากเท้าครั้งเดียว

ปัญหาที่เรามักเจอหากมีการใช้สายตามากเกินไป

การใช้สายตามากเกินไปสามารถเป็นปัญหาต่าง ๆ ได้แก่:

  1. เหนื่อยตา: การใช้สายตานานเกินไปอาจทำให้ตาเหนื่อยและเมื่อเหนื่อยมากพออาจทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ตาแห้ง ตาพร่ามัว หรือปวดหัวได้
  2. ปัญหาสุขภาพจิต: การใช้สายตามากเกินไปอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของบุคคล เช่น การเป็นโรคสมาธิสั้น หรือโรคซึมเศร้า เนื่องจากการที่ต้องใช้สายตานาน ๆ อาจทำให้เกิดความเครียดหรือรู้สึกตึงเครียดได้
  3. ความผิดพลาด: การใช้สายตามากเกินไปอาจทำให้เกิดความผิดพลาดในการทำงานหรือการปฏิบัติต่าง ๆ เช่น การอ่านข้อมูลผิดพลาด เข้าใจผิด หรือทำงานผิดพลาดได้
  4. การสร้างพฤติกรรมที่ไม่ดี: การใช้สายตามากเกินไปอาจทำให้เกิดนิสัยที่ไม่ดี เช่น การเลิกงานที่สำคัญเพื่อทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้สายตา เป็นต้น

การรับรู้และการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้สายตามากเกินไปเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การใช้ช่วงเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ การใช้เทคนิคการทำงานที่เป็นมิตรต่อสายตา เป็นต้น และหากมีอาการผิดปกติบนตา เช่น ตาแห้งหรือตาเป็นแดง ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาให้ทันที เพื่อป้องกันปัญหาที่รุนแรงขึ้นในอนาคต

 

การถนอมสายตาเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสายตา ดังนั้นนี่คือวิธีการที่สามารถใช้เพื่อถนอมสายตา:

  1. พักผ่อนสายตา: หลีกเลี่ยงการใช้สายตาในระยะเวลานานๆ โดยควรพักผ่อนสายตาอย่างสม่ำเสมอ ใช้หลักการ 20-20-20 โดยทุก 20 นาทีให้หันหน้าไปที่สิ่งที่อยู่ห่างออกไปอย่างน้อย 20 ซม. และมองมันอย่างน้อย 20 วินาที
  2. รักษาสุขภาพทั่วไป: การรักษาสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตอย่างดีสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสายตา เช่น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่เพียงพอ การนอนหลับที่เพียงพอ และการลดความเครียด
  3. การรักษาความชุ่มชื้นในตา: การใช้หย่อนตา (eye drops) เมื่อตาแห้ง และการใส่แว่นตากันแสง UV เมื่ออยู่ภายนอกสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ตาแห้ง ตาพร่ามัว หรือโรคเอนตรานอส เป็นต้น
  4. การรักษาความสะอาดของสายตา: การรักษาความสะอาดของแว่นตาหรือเลนส์ตาอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการติดเชื้อและการเกิดภาวะต้อกระจก (cataract) หรือการติดเชื้อในตา
  5. การตรวจตาอย่างสม่ำเสมอ: การตรวจตาอย่างสม่ำเสมอโดยแพทย์ตาสามารถช่วยตรวจสอบสุขภาพของสายตา และจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นในระยะเริ่มต้นได้ทันท่วงที

การถนอมสายตาเป็นการดูแลสุขภาพที่สำคัญไม่แค่เพื่อสุขภาพตาเท่านั้น แต่ยังส่งผลที่ดีต่อสุขภาพทั่วไปของร่างกายด้วย

 

ได้รับการสนับสนุนโดย      เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่

การวิจัยเกี่ยวกับปัญหาของการพนัน

การเล่นเกมคาสิโนกำลังเพิ่มขึ้นและได้รับความนิยมในโลกที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ โดยรัฐบาลไม่สามารถต้านทานภาษีโชคลาภและการไหลเข้าของเงินสดจำนวนมากสำหรับเศรษฐกิจในท้องถิ่น ในแมสซาชูเซตส์ยอมรับแนวโน้มตั้งแต่ในปี 2554

เมื่อสภานิติบัญญัติของรัฐลงคะแนนให้คาสิโนเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย มีการก่อสร้างกำลังดำเนินการสำหรับคาสิโนแห่งแรกของรัฐที่ Plainridge Park

โดยมีเครื่องสล็อตให้บริการจำนวน 1,250 เครื่อง มีทั้งเกมส์การแข่งรถแบบจำลองและยังเป็นการเกิดขึ้นของกรจ้างงานใหม่มากกว่า 500 ตำแหน่ง ถึงแม้ว่าในการสร้างคาสิโนนั้นอาจจะมองว่าเป็นสิ่งที่อาจะให้เกิดความเสื่อมโทรมทางด้านความเป็นอยู่และสภาพชีวิตของผู้คน แต่ถ้าหากมองในอีกแง่หนึ่งการก่อตั้งคาสิโนนั้นก็เกิดการสร้างงานก็ถือว่าเป็นขอดีเช่นกัน

ถึงแม้ว่าจะมีการใช้เวลาเพื่อพิจารณาในการเปิดอย่างเป็นทางการสักระยะ เพราะจะต้องมีการลงประชามติ แน่นอนว่าก็มีฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยและให้ยกเลิกการก่อสร้างคาสิโนนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐแมสซาชูเซตส์จะต้องใช้ข้อมูลที่เป็นกลางเกี่ยวกับผลกระทบทางสังคมของการพนันและข้อเสียของมันน่าเศร้าที่มันจะยากกว่าที่คิด

  • การวิจัยที่ถูกบุกรุกใครก็ตามที่มองหาหลักฐานที่มีคุณภาพดีเกี่ยวกับผลที่ตามมาของการพนันต้องเข้าใจวิธีการผลิตความรู้เกี่ยวกับการพนันก่อน
  • จะรู้ได้อย่างไรว่ารู้อะไรบ้างและใครเป็นผู้กำหนดวาระการวิจัยทุนวิจัยเป็นอย่างไรจะสามารถมั่นใจได้อย่างไรว่ามีความรู้พื้นฐานที่ดีในการสร้างนโยบาย

คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ทำให้เป็นสิ่งที่ทำให้การวิจัยนั้นถูกลดค่าไปอย่างตกต่ำมาก ในขณะที่ในสาขาการวิจัยยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นนักวิชาการมักจะมีการอภิปรายความขัดแย้งทางผลประโยชน์และมีการซักถามการใช้การวิจัยและหลักฐานเชิงกลยุทธ์

นักวิจัยการพนันจำนวนมากยังคงพึ่งพาเงินทุนที่มาจากอุตสาหกรรม การพนันเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ปราศจากนโยบายการเปิดเผยข้อมูล และนักวิจัยจำนวนมากไม่ไตร่ตรองหรือท้าทายอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับอิทธิพลของอุตสาหกรรม

นักวิจัยหน่วยงานกำกับดูแลและผู้กำหนดนโยบายสนับสนุน รูปแบบความร่วมมือในการผลิตงานวิจัย ไม่ใช่การจัดตั้งธุรกิจแบบปกติมากกว่าเท่าการที่ทุกคนร่วมมือกัน สถานการณ์ที่น่าทึ่งนี้แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดกับสาขาอื่นๆและยังสามารถสร้างฐานความรู้ที่เคยอ่อนแอซึ่งและได้รับอิทธิพลอย่างไม่สม่ำเสมอจากผลประโยชน์ในอุตสาหกรรมด้วย

การวิจัยพบว่าปัญหาการพนันในประชากรทั่วไปแบบสำรวจเหล่านี้ได้รับยืนยันว่าการพนันนั้นได้รับความนิยมในอุตสาหกรรม พร้อมกับเปอร์เซ็นต์ของประชากรทั่วไปที่มีความเสี่ยงจากปัญหาการพนัน และโดยส่วนใหญ่ที่มีปัญหาในการพนันนั้นก็มาจากการสูญเสียผลกำไรจากการเล่นคิดเป็นร้ายละ 50-60%

ดังนั้น    ถ่านเครื่องช่วยฟัง    แล้วหากจะบอกว่าการพนันนั้นเป็นปัญหาและสามารถเกิดได้กับผู้คนในทุกเพศทุกวัยและด้วยการพัฒนาระบบการเล่นของการพนันนั้นทำให้การเล่นสามารถเล่นได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น

ดูแลตัวเองอย่างไรให้ปลอดภัยในหน้าฝน

การดูแลตัวเองให้ปลอดภัยในหน้าฝนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยและความชื้นที่เพิ่มขึ้นสามารถส่งผลต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ทั่วไปของเราได้ การปฏิบัติตามข้อแนะนำต่อไปนี้จะช่วยให้คุณสามารถดูแลตัวเองและครอบครัวให้ปลอดภัยในช่วงฤดูฝนได้:

  1. รักษาความอบอุ่นของร่างกาย: ในหน้าฝนอากาศมักจะเย็นลง โดยเฉพาะช่วงกลางคืน การสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมจะช่วยรักษาความอบอุ่นของร่างกาย ควรเตรียมเสื้อกันฝนหรือร่มไว้เสมอเพื่อป้องกันการเปียกฝน เพราะการเปียกฝนอาจทำให้เกิดหวัดหรือโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ได้

 

  1. ดูแลความสะอาดและสุขอนามัย ฝนที่ตกหนักอาจทำให้น้ำขังและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก ควรตรวจสอบบริเวณรอบบ้านและกำจัดน้ำขัง เช่น ทำความสะอาดรางน้ำหรือภาชนะที่มีน้ำขัง และใช้ยากันยุงหรือทาครีมกันยุงเพื่อป้องกันไม่ให้ยุงกัด

 

  1. ป้องกันโรคน้ำกัดเท้า: การเดินลุยน้ำหรือสวมรองเท้าที่เปียกชื้นนาน ๆ อาจทำให้เกิดโรคน้ำกัดเท้า ควรรักษาความแห้งของเท้าโดยเปลี่ยนถุงเท้าและรองเท้าที่เปียกเป็นประจำ หากต้องเดินลุยน้ำควรสวมรองเท้าที่มีการระบายอากาศดีและทำความสะอาดเท้าหลังจากกลับถึงบ้าน

 

  1. ระวังโรคทางเดินอาหาร: น้ำฝนที่ตกหนักอาจทำให้ท่อน้ำทิ้งล้นและน้ำประปาเกิดการปนเปื้อน การดื่มน้ำที่ไม่สะอาดหรือรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขอนามัยอาจทำให้เกิดโรคทางเดินอาหาร ควรดื่มน้ำที่ผ่านการกรองหรือต้มสุก และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุกใหม่ ๆ

 

  1. ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัยบนท้องถนน: ในช่วงฝนตกถนนมักจะลื่นและการขับขี่รถยนต์หรือจักรยานยนต์จะมีความเสี่ยงสูง ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ลดความเร็ว และเปิดไฟหน้ารถเมื่อฝนตกหนักเพื่อให้ผู้ใช้ถนนคนอื่นสามารถมองเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ควรตรวจสอบสภาพยางรถยนต์และเบรกให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

 

  1. เตรียมพร้อมรับมือกับพายุและน้ำท่วม: ในบางพื้นที่ฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างฉับพลัน ควรติดตามข่าวสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเตรียมอุปกรณ์จำเป็น เช่น กระเป๋าอุปกรณ์ฉุกเฉินที่มีไฟฉาย แบตเตอรี่ น้ำดื่ม และอาหารแห้ง และหากจำเป็นต้องอพยพ ควรทำตามคำแนะนำของหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างเคร่งครัด

 

  1. รักษาสุขภาพจิต อากาศที่มืดครึ้มและฝนตกบ่อยครั้งอาจทำให้เกิดความเครียดหรือซึมเศร้า ควรหาเวลาทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกายในบ้าน การอ่านหนังสือ หรือการพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัวเพื่อรักษาสุขภาพจิตให้แข็งแรง

 

ตรวจสุขภาพ    โดยการปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถผ่านหน้าฝนไปได้อย่างปลอดภัยและมีสุขภาพดี

วิธีการเลือกซื้อผักสีเขียวมีวิธีการดูอย่างไร

 

สำหรับผักสีเขียวแล้วถือได้ว่าเป็นผักที่คนนิยมนำมารับประทานกันมากที่สุดเพราะมันมีประโยชน์มากซึ่งหลายคนก็ยังไม่มีวิธีการเลือกหรือยังเลือกไม่เป็นวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกผักสีเขียวให้น่าทานและให้คุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วนโดยมีวิธีเลือกง่ายง่ายดังนี้

 

1.วิธีการเลือกบรอกโคลี สามารถดูได้ดังนี้

สำหรับบรอกโคลีแล้วนั้นเราเชื่อว่าทุกคนก็ย่อมรู้จักกันเป็นอย่างดี เนื่องจากว่าบรอกโคลีเป็นอาหารที่นิยมนำมารับประทานกันมากที่สุด แถมยังให้คุณค่าทางโภชนาการได้ดีอีกด้วย การนำมาทานเป็นอาหารลดความอ้วนก็แสนจะดี หลายคนนั้นก็มักที่จะนำมาทานกันเป็นพิเศษ เนื่องจากวิตามินและคุณค่าอื่นๆ

ดังนั้นการเลือกจึงไม่ยากมากนัก โดยบรอกโคลีมีลักาณะที่ดูง่าย เพราะเป็นสีเขียวละเป็นพุ่มๆ เวลาที่เราจะเลือกก็ควรดูตรงดอกที่มีความแน่น ก้านของมันจะต้องมีสีเขียวสด ไม่ควรเลือกสีที่ไม่ดี ที่สำคัญน้ำหนักจะต้องดี จัดว่าอยู่ในบรอกโคลีที่สมบูรณ์แบบ

 

2.วิธีการเลือกแตงกวาสามารถดูได้ดีงนี้

แตงกวาถือว่าเป็นผักที่มีวิธีการเลือกที่ง่ายที่สุด เพราะเวลาที่เราเลือกงั้นเราจะดูตรงตัวของแตงกวาว่ามันสีเขียวสดหรือไม่และเนื้อของแต่งกว่านั้นจะต้องเต่งตึง ไม่ควรเลือกแต่งกว่าที่มีความเหี่ยวหรือว่ามีสีที่เปลี่ยนไป ลักษณะของแตงกวาจะต้องเรียว และมีความอวบอ้วนนั่นจึงทำให้แตงกวากรอบและสดเหมาะสำหรับการนำมารับประทาน

 

3.วิธีการเลือกซื้อผักบุ้ง

โดยวิธีการเลือกซื้อผักบุ้งก็ไม่ใช่วิธีที่จะยุ่งยากอะไรนะถ้าหากคุณยังไม่รู้ว่าจะซื้อผักบุ้งได้อย่างไรให้อ่านบทความที่เรานำเสนอนี้นั่นก็คือการเลือกซื้อผักบุ้งเราจะต้องดูที่ลำต้นของมันโดยมันจะต้องเป็นลำต้นที่สวยสดไม่หักงอแต่ว่าลำต้นของมันนั้นก็จะต้องไม่แข็งจนเกินไปที่สำคัญใบของมันจะต้องเป็นสีเขียวไม่ใช่สีเหลืองหรือแห้งเหี่ยว

4.วิธีการเลือกซื้อกะหล่ำปลีให้สดน่ากินมีดังนี้

กะหล่ำปลีที่ทุกคนมักจะนำมารับประทานอาหารโดยใช้การปรุงรสต่างๆทำให้กระหล่ำปีนั้นเป็นอาหารที่ออกมาแล้วอร่อยวิธีการเลือกซื้อก็แสนจะง่ายโดยเราดูที่น้ำหนักของมันกะหล่ำปีที่ดีจะต้องมีน้ำหนักที่ไม่หนักจนเกินไปและก็ไม่เบาจนเกินไปดูที่มันกลางกลางตรงหัวจะมีสีเขียวที่ลายด้านนอกของใบนั้นจะแบ่งเป็นสองประเภทด้วยกัน

โดยเป็นแบบหัวกรมแล้วก็แบบรูปหัวใจ ซึ่ง    ปัญหาการได้ยิน     ถ้าถามเราแล้วว่าอันไหนมันอร่อยกว่ากันเราก็บอกได้ว่าขึ้นอยู่กับคนทานแต่แน่นอนว่ามันจะต้องมีราคาที่สูงกว่ากันอย่างแน่นอนดังนั้นถ้าหากคุณชื่นชอบกะหล่ำปลีแบบไหนก็สามารถเลือกตามวิธีที่เราแนะนำนี้ไปได้เลยรับรองได้ว่าไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไหนก็สดใหม่แน่นอน

วิธีการป้องกันหนูกัดสายไฟในรถยนต์ 

หลายคนอาจจะเกิดความสงสัยว่าทำไมคนเรามักจะเจอปัญหาหนูเข้าไปกัดสายไฟในรถยนต์ 

ซึ่งอันที่จริงแล้วสาเหตุสำคัญที่ทำให้หนูเข้าไปกัดสายไฟในรถยนต์นั่นก็เพราะว่าโดยปกติแล้วถ้าหากว่าบ้านไหนมีรถยนต์แล้วไม่ได้มีการใช้งานมีการจอดรถยนต์ทิ้งเอาไว้บริเวณด้านหน้าของฝากระโปรงรถของรถยนต์นั้นจะกลายมาเป็นที่อาศัยของหนูในทันที

และเนื่องจากหนูมันมีพฤติกรรมชอบกัดไปทั่วถึงแม้ว่าสิ่งของที่มันกัดนั้นจะกินไม่ได้ก็ตามทำให้เมื่อมันเจอสายไฟก็มักจะมีการกัดสายไฟของเรา ได้

ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีการป้องกันไม่ให้หนูกัดสายไฟในรถยนต์ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ยุ่งยากและสามารถทำได้ง่ายๆ

โดยอันดับแรกนั้นเราจะต้องมีการทำความสะอาดบริเวณโรงจอดรถของเราถ้าหากว่าโรงจอดรถของเรามีข้าวของวางระเกะระกะมีขยะวางไว้มากมายแน่นอนว่ามันสามารถดึงดูดใจให้หนูมาอาศัยอยู่ได้และเมื่อมันเจอสภาพแวดล้อมที่มันเหมาะกับการอยู่อาศัย 

เพราะมันมีที่ซ่อนตัวได้เยอะมันก็จะอาศัยอยู่ทันทีและนอกจากนี้มันยังจะใช้บริเวณลานจอดรถของเรากลายเป็นที่เพาะพันธุ์ของมันอีกด้วยดังนั้นถ้าหากว่าโรงจอดรถของเราสะอาดเป็นระเบียบโล่งมันก็จะไม่มีที่หลบซ่อนและไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ดังนั้นมันก็จะไม่มีหนูเข้าไปกัดสายไฟนั่นเอง

นอกจากนี้    เพิ่มคุณภาพชีวิตและการได้ยินที่ดีขึ้น     ถ้าหากว่าใครที่จอดรถเอาไว้เป็นระยะเวลานานๆก็จะทำให้หนูมีโอกาสเข้าไปกัดสายไฟได้แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณมีการใช้รถอยู่ตลอดเวลาใช้อยู่บ่อยๆเป็นประจำทุกวัน

มันจะทำให้เครื่องยนต์นั้นทำงานและมีความร้อนซึ่งหนูมันจะไม่สามารถอยู่ได้ดังนั้นถ้าเราใช้รถบ่อยๆเป็นประจำรับรองว่าหนูก็ไม่สามารถเข้าไปกัดสายไฟของเราได้เช่นเดียวกัน 

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้หนูไม่มาที่บริเวณลานจอดรถของเราและไม่กัดสายไฟของเรานั่นก็คือความสว่างเพราะหนูมันจะชอบอยู่ในมุมมืดดังนั้นถ้าหากว่าลานจอดรถของเราเป็นพื้นที่โล่งและยังมีแสงสว่างส่องถึงมันก็ไม่สามารถที่จะมาซ่อนตัวอยู่ภายในโรงจอดรถของเราและไม่สามารถที่จะเข้าไปตามซอกมุมต่างๆในรถของเรา

เพื่อเข้าไปกัดสายไฟของเราได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางคืนโรงจอดรถก็ควรที่จะมีการเปิดไฟทิ้งไว้ เพราะนอกจากจะป้องกันหนูได้แล้วยังป้องกันโจรขโมย ไม่ให้เข้ามาขโมยทรัพย์สินในบ้านของเราได้อีกด้วย 

ไข้หวัดธรรมดา กับไข้หวัดใหญ่ต่างกันอย่างไร

สำหรับเรื่องโรคภัยไข้เจ็บนั้น เป็นเรื่องยากมากที่คนเราจะไม่ป่วยเลย ต่อให้ร่างกายแข็งแรงแค่ไหนก็ตาม และโรคที่เรามักจะเห็นผู้คนป่วยป่วยมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคนประเทศไหนก็ตามนั่นก็คือ โรคไข้หวัด ซึ่งปัจจุบัน โรคไข้หวัดนั้นมีมากมายหลายสายพันธ์ด้วยกัน ซึ่งในบทความนี้เราจะมาเปรียบเทียบโรคไข้หวัดจำนวน 2 สายพันธุ์นั่นก็คือ ไข้หวัดธรรมดา กับไข้หวัดใหญ่ ซึ่งทั้งสองโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ มาดูกันว่า 2 โรคนี้มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

ไข้หวัดธรรมดาและไข้หวัดใหญ่ (หรือไข้หวัดพื้นที่) คือสองโรคที่มีลักษณะคล้ายกัน แต่มีความแตกต่างกันเล็กน้อยในบางด้าน:

  1. เชื้อสาเหตุ: ทั้งคู่เป็นโรคที่เกิดจากไวรัส แต่เชื้อของไข้หวัดธรรมดาส่วนใหญ่จะเป็นไวรัสชนิด Influenza A หรือ Influenza B ในขณะที่ไข้หวัดใหญ่มักจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตะไคร่เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจชั้นบน (Upper respiratory tract) เช่น ไวรัส Corona ตัวใหญ่ที่สร้างโรค COVID-19
  2. อาการ: ทั้งคู่มีอาการเหมือนกันอย่างมีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ อาการหูอักเสบ คอเจ็บ ความอ่อนแอ หรือไอ แต่ไข้หวัดใหญ่อาจมีอาการรุนแรงกว่า และมักเกิดภายหลังจากช่วงฟิลด์ของโรค 2-14 วัน
  3. ระยะเวลาของโรค: ไข้หวัดธรรมดามักมีระยะเวลาฟื้นตัวที่สั้นกว่า โดยมักจะฟื้นตัวภายใน 1-2 สัปดาห์ ในขณะที่ไข้หวัดใหญ่อาจใช้เวลานานขึ้นและอาจมีผลกระทบรุนแรงต่อระบบทรวงอก
  4. การรักษา: การรักษาไข้หวัดธรรมดามักจะเน้นทานยาลดไข้ นอกจากนี้ยังสามารถให้วัคซีนป้องกันได้ ในขณะที่ไข้หวัดใหญ่อาจต้องมีการรักษาในโรงพยาบาลและการให้ยาต้านไวรัสเฉพาะที่
  5. การระบาด: ไข้หวัดธรรมดามักจะเป็นการระบาดทั่วไปในช่วงฤดูหนาว ในขณะที่ไข้หวัดใหญ่อาจเกิดจากการระบาดของไวรัสในพื้นที่หรือกลุ่มบุคคลเฉพาะ และมักมีผลกระทบรุนแรงกับสุขภาพสาธารณะ

โรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่มักจะมีการระบาดในช่วงฤดูหนาวของปี แต่การมีการระบาดมากที่สุดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพอากาศ พฤติกรรมการเดินทาง และการมีชุมชนที่คนสะสมอยู่เป็นต้น ในส่วนของไข้หวัดใหญ่ (Influenza) มักมีการระบาดมากในช่วงฤดูหนาวในภาคเหนือของโลก แต่ในภูมิภาคอื่น ๆ

อาจมีการระบาดตลอดปี ระดับการระบาดของโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่มีความแปรปรวนและมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อมและสุขภาพทั่วไปของประชากรในแต่ละช่วงเวลา

 

อย่างไรก็ตาม    คาสิโนเวียดนาม     ถึงแม้ว่าการป่วยเป็นโรคไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่นั้น อาการไม่รุนแรงจนถึงขนาดที่ทำให้เสียชีวิตได้ แต่ทางที่ดีที่สุดเราควรดูแลร่างกายของเราให้แข็งแรง จะได้ไม่ต้องเจ็บป่วยได้ง่ายจะเป็นการดีที่สุด

หน้าเหี่ยว มีริ้วรอย เกิดจากสาเหตุอะไร 

ปัญหาสุขภาพใบหน้าที่เห*่ยวโดยปกติแล้วจะต้องเป็นคนที่มีอายุสูงหรือเข้าสู่วัยชราซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ควรจะต้องมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปแต่ในปัจจุบันนั้นบางคนถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึง 60 แต่ก็มีสภาพใบหน้าที่มีผิวพรรณเหี่ยวเฉาผิวเหี่ยวย่นกันแล้วซึ่งเราเรียกว่าเป็นผิวที่แก่ก่อนวัยอันควร

แน่นอนว่าทำให้สาวๆที่มีผิวพรรณไม่ผ่องใสหรือเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควรนั้นต้องรู้สึกไม่พอใจและเป็นกังวลใจกันเป็นอย่างมากเพราะถ้าหากว่าไปเจอเพื่อนๆที่อยู่ในวัยเดียวกันแล้วเมื่อเปรียบเทียบสภาพผิวของเรากับเพื่อนแล้ว

ซึ่งดูแล้วเหมือนเราจะมีอายุมากกว่าเพื่อนทั้งที่มีอายุเท่ากันแต่ต่างกันตรงที่ผิวพรรณนั้นก็อาจจะทำให้เรานั้นขาดความมั่นใจก็เป็นไปได้ ดังนั้นเราจะมาพูดถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดใบหน้าเห*่ยวเฉาหรือริ้วรอยกันว่ามันเกิดขึ้นมาได้จากสาเหตุอะไร 

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ผิวของคนเรานั้นมีริ้วรอยหรือใบหน้าเห*่ยวย่นได้ง่ายก็มีสาเหตุหลักๆมาจาก 4 สาเหตุใหญ่ด้วยกันดังต่อไปนี้ซึ่งก็คือ

  • อายุ 

 อย่างที่เรารู้กันดีว่ายิ่งอายุมากยิ่งขึ้นคอลลาเจนในผิวก็จะลดน้อยลง  และร่างกายก็จะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงดังนั้นเมื่อคอลลาเจนผลิตได้น้อยและยังหายไปเรื่อยๆคุณภาพของผิวที่เคยเปล่งปลั่งสดใสก็จะแย่ลงตามไปด้วยเพราะผิวของคนเรานั้นสวยสดใสได้มาจากคอลลาเจน 

ดังนั้นเมื่อไม่มีคอลลาเจนมาเป็นตัวช่วยก็จะทำให้ผิวของเรานั้นเห*่ยวย่นและผิวไม่กระชับมีริ้วรอยเกิดขึ้นซึ่งโดยปกติแล้วยิ่งคนอายุมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตัวคอลลาเจนก็ลดลงเรื่อยๆด้วยเช่นเดียวกันดังนั้นทางที่ดีเราควรจะต้องมีการพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนขึ้นมาและที่สำคัญสำหรับคนที่อายุมากนั้นควรจะมีการกินอาหารเสริมซึ่งเป็นพวกคอลลาเจนเสริมให้กับร่างกายของเราด้วย 

  • สภาพแวดล้อมและแสงแดด 

อย่างที่เรารู้กันดีว่าถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนที่อายุยังไม่สูงมากนักแต่ถ้าเราต้องเจอกับสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษทางอากาศและมีแสงแดดแรงๆเมื่อร่างกายได้รับแสงแดดและมลพิษอยู่สม่ำเสมอก็จะทำให้สภาพผิวของเรานั้นเสื่อมโทรมได้และที่สำคัญก็จะทำให้เกิดริ้วรอยและจุดด่างดำตามร่างกายซึ่งสิ่งที่ทำให้ผิวของเรานั้นไม่ชุ่มฉ่ำผิวแห้งง่ายก็เป็นผลพวงมาจากรังสี UV ที่มาจากแสงแดดนั่นเอง

ดังนั้นถ้าหากว่าเราไม่อยากจะผิวคล้ำหรือเห*่ยวมีริ้วรอยก็ควรจะต้องมีการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ต้องออกไปเจอกับแสงแดดหรือหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรจะต้องมีการใช้ครีมกันแดดและใส่เสื้อแขนยาวเพื่อไม่ให้แดดส่องถึงผิว 

  • ดื่มน้ำน้อย 

การดื่มน้ำเป็นอีก 1 ปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวพรรณของเราเปล่งปลั่งจะเห็นได้ว่าโดยปกติแล้วร่างกายของคนเราต้องการน้ำในปริมาณอยู่ที่ประมาณ 2-3 ลิตรแต่ถ้าหากใครก็ตามที่ดื่มน้ำน้อยกว่านี้ก็จะทำให้ผิวของเราขาดน้ำแล้วผิวพรรณก็จะไม่สดใสแต่ถ้าเราดื่มน้ำเยอะๆอยู่ที่ประมาณ 3 -4ริดบอกได้โดยรอบผิวพรรณของคุณจะสดใสอ่อนเยาว์อย่างแน่นอน 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ทัวร์คาสิโนเวียดนาม

ความทุกข์ที่เกิดจากการช้อปปิ้ง

สำหรับใครที่ชื่นชอบการ Shopping แล้วอาจจะมองว่าการช้อปปิ้งนั้นจะส่งผลทำให้เรามีแต่ความสุขและช่วยทำให้เราคลายเครียดได้

ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่เมื่อมีอาการเครียดหรือวิตกกังวลจึงมักจะหลีกเลี่ยงความเครียดด้วยการออกไปข้างนอกและไปทำการ Shopping เพื่อให้จิตใจนั้นเบิกบาน  แต่อันที่จริงคุณรู้หรือไม่ว่าการช้อปปิ้งนั้นมันจะส่งผลทำให้คุณมีความสุขแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น

หรืออาจกล่าวได้ว่าในช่วงที่คุณช้อปปิ้งในช่วงแรกๆจิตใจของคุณจะเบิกบานและมีความสุขเป็นอย่างมากแต่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งคุณจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าผลที่ตามมาจากการช้อปปิ้งนั้นจะทำให้เกิดคุณความทุกข์ได้เช่นเดียวกัน

สำหรับปัญหาที่ตามมาที่เกิดขึ้นหลังจากที่เราช้อปปิ้งเสร็จเรียบร้อยแล้วนั่นก็คือเราจะรู้สึกเป็นทุกข์ว่าเรามีการใช้เงินออกไปอย่างฟุ่มเฟือย

เพราะในช่วงเวลาที่เรามีการช้อปปิ้งนั้นเราจะไม่ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งของที่เราจะซื้อมากนักเรียกได้ว่าบางคนอาจจะซื้อของด้วยอารมณ์ชั่ววูบเพียงเพราะความเหงาหรืออยากได้แต่ไม่ได้มีการพิจารณาว่าสิ่งของที่เราจะซื้อนั้นมีมูลค่ามากแค่ไหนและมีความจำเป็นที่จะต้องใช้สินค้านั้นหรือไม่  

โดยส่วนใหญ่แล้วเวลาที่เราซื้อสินค้าในช่วงที่เราอารมณ์ไม่ดีหรือมีความเครียดนั้นเรามักจะมีการซื้อโดยที่เราไม่ได้มีการตัดรองให้อย่างรอบคอบ

ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าในช่วงที่เราซื้อสินค้านั้นเรากำลังอยู่ในช่วงที่ขาดสติเป็นอย่างมากดังนั้นถ้าหากว่าหมดช่วงเวลาในการช้อปปิ้งช่วงเวลาแห่งความสุขหรือสารแห่งความสุขหมดไปแล้วเราจะเริ่มนับพิจารณาถึงปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นนั่นก็คือเงินในกระเป๋าของเราร่อยหรอลงไป

ถ้าหากใครบางคนที่มีปัญหาเรื่องของเงินไม่พอใช้ในแต่ละเดือนหรือมีงบในการใช้จ่ายแบบเดินชนเดือนถ้าเกิดไปเจอกับสภาวะการช้อปปิ้งแบบฟุ่มเฟือยก็จะทำให้เงินไม่พอใช้ได้และสิ่งที่ตามมานั่นก็คือการที่จะต้องไปหายืมเพื่อนหรือไปทำบัตรเครดิตเพื่อจะนำเงินมาใช้จ่ายให้ครบจนถึงสิ้นเดือนและนำมาซึ่งปัญหาของการเป็นหนี้เป็นสินนั่นเอง 

ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังมีแนวความคิดว่าอยู่ในสภาวะที่เกิดความเครียดและเหงาและอยากจะบำบัดจิตใจของตนเองด้วยการออกไป shopping

ก็ควรที่จะต้องดูเงินในกระเป๋าของตนเองซะก่อนว่ามีกำลังมากพอที่เราจะสามารถ Shopping แบบฟุ่มเฟือยโดยไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลังหรือไม่ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นภาระเป็นหนี้เป็นสิน และอาจจะทำให้เรารู้สึกผิดและมีความเครียดมากขึ้นกว่าเดิมก็เป็นไปได้ 

 

สนับสนุนโดย     เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่